
ภาพที่เคยเห็นจนชินตาในช่วงยุค 90 อีกหนึ่งอย่างคือการ “เคี้ยวหมากฝรั่ง” ด้วยเพราะความเท่ แก้ง่วง ช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่น แต่ปัจจุบันแทบจะเห็นได้น้อยคนนักที่ยังคงมีพฤติกรรมเช่นนี้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคถูกดิสรัปต์โดย สังคมก้มหน้าที่ให้ความสำคัญกับ สมาร์ทโฟนมากกว่าทุกสิ่ง รวมทั้งลูกอมก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ และสิ่งเร้าอีกนานับประการ ทำให้บางสิ่งที่เคยเป็นที่นิยม มาวันหนึ่งกลับเปลี่ยนไป
และนั่นเอง ตลาดหมากฝรั่ง ก็ติดร่างแหกับการเปลี่ยนไปของโลก และพฤติกรรมผู้บริโภคเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากจะปลุกกระแสคืนชีพให้กับ “หมากฝรั่ง” เห็นทีจะต้องอาศัย Game Changer ที่จะต้องเข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ ขยายวัฒนธรรม “การเคี้ยวหมากฝรั่ง” ให้กับผู้บริโภครุ่นใหม่ พร้อมกับสร้างความคึกคักให้กับตลาด
ในครั้งนี้ M-150 เครื่องดื่มบำรุงกำลังอันดับ 1 ของไทย จึงได้จับมือกับ บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด ผู้นำนวัตกรรมด้านหมากฝรั่งและขนมขบเคี้ยว ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากว่า 40 ปี เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ลอตเต้ หมากฝรั่งกลิ่นผลไม้รวม (M-150®)” ภายใต้แนวคิด “เคี้ยวสนุกปลุกความสดชื่น” สร้างสีสันพร้อมขยายฐานลูกค้าหมากฝรั่งสู่กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่
ซาดาฟูมิ มัตซึชิตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยลอตเต้ จำกัด กล่าวว่า “ลอตเต้เป็นแบรนด์ที่ปรับตัวอยู่เสมอ คิดค้นนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ รสชาติใหม่ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคและสร้างความคึกคักให้กับตลาด และได้มีการศึกษาวิจัยพฤติกรรมการบริโภคหมากฝรั่งของคนไทยอยู่เสมอ พบว่าผู้บริโภคชาวไทยชื่นชอบการเคี้ยวหมากฝรั่งรสชาติใหม่ๆ และเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อเพิ่มความสดชื่น จึงได้ร่วมมือกับแบรนด์ M-150 ผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่เป็นที่รู้จักและครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน มาสร้างสีสันและปรากฏการณ์ใหม่ให้กับการเคี้ยวหมากฝรั่งอีกครั้ง ด้วยการออกผลิตภัณฑ์หมากฝรั่งชนิดแผ่นที่ผสมผสานรสชาติผลไม้รวมได้อย่างลงตัว และกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของ M-150”
วรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การร่วมมือกับแบรนด์ลอตเต้สร้างปรากฏการณ์การเคี้ยวหมากฝรั่งผสานรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของ M-150 ที่ครองใจผู้บริโภคชาวไทยมายาวนานในครั้งนี้ จะสร้างประสบการณ์ความสดชื่นแบบไม่มีลิมิตให้ผู้บริโภคอีกครั้ง โดยนำจุดเด่นของสินค้าหนึ่งสร้างมูลค่าและต่อยอดให้กับสินค้าต่างประเภทกัน ซึ่งสร้างสีสันให้ตลาดมาแล้วหลายครั้ง จึงเดินหน้ากลยุทธ์ความร่วมมือ (Collaboration) ต่อยอดธุรกิจร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้นำตลาดในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อขยายฐานผู้บริโภคด้วยการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในทุกๆ ช่วงเวลาชีวิตของกลุ่มผู้บริโภค”
นับเป็นการแก้เกม ที่จะต้องหาโซลูชันเพื่อ “ปลุกชีพ” ให้กับตลาดหมากฝรั่งที่เคยมีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคยุคใหม่ หันมาเคี้ยวหมากฝรั่งมากขึ้น จึงนับเป็นหน้าที่ของแบรนด์ นักการตลาด ที่จะหากลยุทธ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการ Collaboration Marketing จับมือร่วมกันผลิตสินค้าหรือแคมเปญเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกัน หรือการแตกไลน์สู่แบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ที่จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะนำไปสู่ทางรอด และกลับมาครองใจผู้บริโภคในยุคนี้ได้นั่นเอง