ไม่อยากเป็นกาแฟแค่บนเชลฟ์ ‘BOSS Coffee’ เปิดคาเฟ่ มินิมอล สร้างกลิ่นอายเหมือนจิบกาแฟที่ญี่ปุ่น

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไม่อยากเป็นกาแฟแค่บนเชลฟ์ ‘BOSS Coffee’ เปิดคาเฟ่ มินิมอล สร้างกลิ่นอายเหมือนจิบกาแฟที่ญี่ปุ่น

Date Time: 15 มิ.ย. 2566 17:32 น.

Video

Sony ทำได้ยังไง ? หาเงินจากทุกสิ่ง แบบไม่ต้องวิ่งแข่งกับใคร | Digital Frontiers EP.51

Summary

เพราะไม่อยากเป็นแค่ ‘กาแฟ’ บนเชลฟ์อีกต่อไป BOSS Coffee แบรนด์กาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวคาเฟ่สไตล์มินิมอลแห่งแรก ณ สยามเซ็นเตอร์ โดยใช้ชื่อว่า ‘บอส คาเฟ่’ (BOSS Café) หวังสร้างการรับรู้ และภาพจำให้กับแบรนด์

Latest


BOSS Coffee แบรนด์กาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น ที่เข้ามาตีตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2564 ประกาศเดินเครื่องขยายพอร์ต รุกหน้าอีกขั้นกับการเปิดตัวคาเฟ่สไตล์มินิมอลแห่งแรกใจกลางกรุง ที่ใช้ชื่อว่า ‘บอส คาเฟ่’ (BOSS Café) หยิบยกกาแฟพร้อมดื่ม มารังสรรค์เป็นเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์แบบแก้ว เจาะกลุ่มคอกาแฟวัยทำงาน และคอฟฟี่ฮอปเปอร์ ผู้บริโภคที่ชอบเช็กอิน-กิน-แชะ และแชร์ร้านกาแฟ ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง’ (Location is the Key)


บอส คอฟฟี่ (BOSS Coffee) ถือกําเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2535 หากนับอายุก็ราวๆ 31 ปี โดยผลิตจากเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า สกัดด้วยเทคนิคการผลิตผ่านกระบวนการชงร้อนและล็อกเย็นในรูปแบบ Flash Brew เพื่อให้ได้กาแฟที่ดีในขั้นตอนสุดท้าย และเริ่มต้นจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในรูปแบบกระป๋อง ภายใต้ชื่อ BOSS Super Blend ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บอส คอฟฟี่ ก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังและรสนิยมของผู้บริโภคที่หลากหลาย อย่างที่เห็นเป็นภาพชินตาทั้งในรูปแบบกระป๋อง และขวดตามร้านสะดวกซื้อ ซึ่งรวมๆ แล้วบอส คอฟฟี่มีผลิตภัณฑ์ในญี่ปุ่นทั้งหมด 300 SKUs

จนเมื่อปี 2564 ก็ได้ขยับขยายมาขายในประเทศไทย ใต้เครื่องหมายการค้า บอส (BOSS) โดยบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก-ส่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ 


แต่สำหรับบอส คอฟฟี่ เพียงแค่การเป็นกาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียมที่ให้กลิ่นอายเสมือนอยู่ญี่ปุ่นเห็นคงจะไม่พออีกต่อไป ล่าสุดได้เปิดตัว บอส คาเฟ่ (BOSS Café) คาเฟ่สไตล์มินิมอลแห่งแรกใจกลางกรุงเทพฯ ณ ชั้น G บนขนาดพื้นที่ 55 ตารางเมตร ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ด้วยการนำกาแฟพร้อมดื่มมาเปลี่ยนโฉมเป็นกาแฟแบบแก้ว ผ่านเทคนิคการสกัดแบบแฟลช บริว (Flash Brew) ที่มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายคอกาแฟวัยทำงาน และคนรุ่นใหม่สายคาเฟ่ฮอปเปอร์ เพื่อที่จะก้าวไปสู่หมุดหมายที่ได้ตั้งไว้นั่นคือการเป็น ‘เบอร์หนึ่ง’ ในตลาดกาแฟพร้อมดื่มพรีเมียมของไทย ตามรอยญี่ปุ่นภายใน 3 ปีข้างหน้า (2566-2569)

ขณะที่ภาพรวมของตลาดกาแฟพร้อมดื่มในประเทศไทยในช่วงปี 2565-2566 (เมษายน 2565-2566) มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตสูงกว่า 10% และเริ่มมีผู้เล่นเข้ามาในตลาดนี้เป็นจำนวนมาก ส่วนตลาดกาแฟพรีเมียมเติบโตประมาณ 3-4% จากอัตราการเติบโตทั้งหมดของตลาดกาแฟพร้อมดื่ม โดยเป็นการเติบโตในระดับ Double Digit มาตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด ได้รับแรงหนุนจากพฤติกรรมการบริโภคกาแฟนอกบ้านที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนมีผู้เล่นรายใหม่ส่งสินค้าเข้ามาช่วยกระตุ้นให้ตลาดคึกคักและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันภาพรวมของร้านกาแฟและคาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี จากแรงส่งของกระแสคาเฟ่ฮอปเปอร์ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย

ทั้งนี้ตลาดกาแฟพร้อมดื่มมีผู้เล่นหลักๆ เช่น Boss, Amazon และ ARABUS โดยที่บอส คอฟฟี่มองคู่แข่งจะเป็นคนที่อยู่ในระดับพรีเมียม mass เหมือนกันโดยที่ราคา 20 บาทขึ้นไปต่อยูนิต ขณะที่ยอดขายตั้งเป้าไว้ว่าในปีนี้ (2566) จะโตกว่าปีที่ผ่านมา (2565) ประมาณ 20-30% 

ด้าน นายอนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กาแฟพร้อมดื่ม บอส คอฟฟี่ เริ่มทำตลาดในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2564 เนื่องจากเห็นอัตราการเติบโตของตลาดกาแฟพรีเมียมในประเทศไทย ซึ่งก็ได้รับความนิยมและกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก โดยจุดเด่นของเราคือการโฟกัสที่กาแฟระดับพรีเมียม

ชู 2 กลยุทธ์หลักเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น 

ในปีนี้เราทำการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยจะขับเคลื่อนในส่วนของ Aspiration & Shop Coffee Image เน้นการเพิ่มยอดขายจากกลุ่มผู้บริโภคที่ทานกาแฟพร้อมดื่ม ผ่าน 2 กลยุทธ์หลักสำคัญ ได้แก่ 


1. มุ่งเน้นการกาแฟพร้อมดื่มคุณภาพสไตล์คาเฟ่ ควบคู่ไปกับการสร้างภาพจำของการเป็นแบรนด์โดยปรับสูตรกาแฟให้มีความเข้มข้น กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น และเปิดตัวฉลากดีไซน์ใหม่ของผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 รสชาติที่วางจำหน่ายในไทย เพื่อปรับลุคให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงเปิดตัวสื่อโฆษณาชุดใหม่ที่ได้ ฌอห์ณ จินดาโชติ และ 2 หนุ่มดูโอวง HYBS อย่าง เจมส์ - อลิน วี และกานต์ - กษิดิ์เดช หงส์ลดารมภ์ พรีเซนเตอร์คู่แรกเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


2. สร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อเพิ่มการบริโภคผ่านแคมเปญ ‘บัดดี้เพื่อทุกเช้าดีดี กับบอส คอฟฟี่’ ด้วยการจับมือพันธมิตร 7- Eleven ออกเมนูจับคู่กาแฟพร้อมดื่ม บอส คอฟฟี่ กับแซนด์วิชยอดฮิต Ezy Taste และล่าสุดก็ได้เปิดร้านคาเฟ่ที่เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 - 22.00 น. จนถึง 31 สิงหาคม เพื่อสร้าง brand awareness ให้กับลูกค้าและสร้างภาพจำของบอส คอฟฟี่ กาแฟพร้อมดื่มแบรนด์พรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่นที่หาซื้อได้ง่ายใกล้ๆ ตัว นั่นเอง ส่วนการนำสินค้ามาเติม Portfolio จะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ 1. พัฒนาโปรดักต์ไปเรื่อยๆ 2. พัฒนารสชาติใหม่ๆ 


ขณะที่นายจูนิชิโร ทาคาตะ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ซันโทรี่ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Boss Cafe จะเปิดถึงแค่สิงหาคม เพราะว่าต้องการสำรวจตลาดก่อนเบื้องต้น หากยอดขายดีก็จะมีการขยายต่อเนื่องในอนาคต ส่วนที่เลือกสยามเซ็นเตอร์เป็นแลนด์มาร์กสำคัญ เนื่องจากมองว่าเป็นพื้นที่ย่านออฟฟิศ และเป็นศูนย์รวมของผู้คน ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง’ (Location is the Key) ส่วนโลเคชั่นถัดไปในอนาคตเรามองหาโอกาสที่จะเข้าถึงผู้บริโภคในจุดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น 


หากถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีคาเฟ่ เนื่องจากบอส คอฟฟี่คือกาแฟที่อยู่ในรูปลักษณ์แบบขวด จูนิชิโร มองว่า บอส คอฟฟี่ตั้งใจที่จะมีคาเฟ่เพื่อให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ทางการตลาด พร้อมกับตอกย้ำการสร้างประสบการณ์ใหม่ และภาพจำให้กับลูกค้า ด้วยแนวคิดที่ว่า "บอส คอฟฟี่ไม่ใช่แค่กาแฟระดับพรีเมียมบนเชลฟ์ แต่สามารถรังสรรค์เป็นเมนูได้อย่างหลากหลาย บนพื้นที่ร้านคาเฟ่เพื่อที่จะสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับแบรนด์".


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ