“สวนสามพราน” จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ชาวไทยและชาวต่างประเทศคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการเป็นทั้งแหล่งท่อง เที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร รวมไปถึงพื้นที่แสดงศิลปวัฒนธรรม หลังจากการบุก เบิกธุรกิจของอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนแรก “ชำนาญ ยุวบูรณ์”
นับเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย นับตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจมาถึงวันนี้อายุครบ 60 ปีเต็ม กำลังปรับทิศทางโมเดลธุรกิจครั้งใหญ่ภายใต้การบริหารงานของธุรกิจครอบครัวในรุ่นที่ 3 ไปสู่ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ ธุรกิจสุขภาพและเวลเนสที่ถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คน รวมไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบให้กับธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมอย่างหนัก ซึ่ง “สวนสามพราน” เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการหลีกเลี่ยงไม่ได้กับผลกระทบที่เกิดขึ้น ได้ตัดสินใจปิดให้บริการโรงแรมหลังการระบาดเข้าสู่ปีที่ 2
นายอนัฆ นวราช ทายาทรุ่นที่ 3 สวนสามพราน กล่าวว่า ใน ช่วงที่ผ่านมาธุรกิจของสวน สามพรานได้พัฒนาแนวคิดเกษตรอินทรีย์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงธุรกิจในอนาคต ซึ่งหลังจากเป็นธุรกิจสตาร์ตอัพมา 5 ปี จนถึงขณะนี้ปรากฏว่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่นำไปเป็นวัตถุดิบผลิตสินค้าหลากหลายชนิดสำหรับธุรกิจ “บีทูบี” จากโรงงานของสวนสามพราน ภายใต้แบรนด์ “ปฐม” ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและกลายเป็นธุรกิจทำรายได้ที่สำคัญหล่อเลี้ยงบริษัททดแทนธุรกิจโรงแรมที่ปิดตัวไป พร้อมกับแผนการขยายธุรกิจขับเคลื่อนต่อไปในอนาคต
ธุรกิจภายใต้แบรนด์ปฐมประกอบด้วยปฐมออร์แกนิก วิลเลจ หมู่บ้านแปรรูปสินค้าอินทรีย์, ปฐม ออร์แกนิก ฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้เกษตรอินทรีย์, ปฐม ออร์แกนิก สปา ร้านนวดสปาสไตล์ไทยๆ, ปฐม ช็อป ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มสวนสามพราน, ผลิตภัณฑ์บอดี้แคร์ แบรนด์ปฐม และปฐม ออร์แกนิก คาเฟ่ ร้านกาแฟ เบเกอรี ขนมไทย
สำหรับธุรกิจโรงแรมได้ปิดดีลกับบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ให้เช่าพื้นที่จำนวน 12 ไร่เป็นเวลา 40 ปี เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพ ภายใต้ชื่อโครงการ RXV “รักษ วิลเลจ สามพราน” ตั้งเป้าให้เป็นจุดหมายปลายทางของศูนย์สุขภาพและไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนไทย
น.ส.ดุษฎี ตันเจริญ กรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ผู้ดูแลและบริหารงานด้านธุรกิจสุขภาพ กล่าวว่า การร่วมมือเป็นพันธ มิตรกับสวนสามพรานเพราะเล็งเห็นศักยภาพที่ไดล ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก โอบล้อมด้วยธรรมชาติเงาร่มไม้ใหญ่บนพื้นที่ทั้งหมด 100 ไร่ ริมแม่น้ำท่าจีน มีพื้นที่ฟาร์มเกษตรอินทรีย์อีกกว่า 30 ไร่ จึงเดินหน้าพัฒนาพื้นที่โดยใช้จุดแข็งจากองค์ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจเวลเนสและศาสตร์การแพทย์แบบองค์รวม ผ่านบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งร่วมกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ นำความแข็งแกร่งในด้านศาสตร์ทางการแพทย์ที่สมัยใหม่มาดูแลสุขภาพแบบผสมผสาน
“จากความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ “รักษ เวลเนส บางกะเจ้า” บริษัทจึงเดินหน้าขยายธุรกิจให้บริการด้านสุขภาพ ด้วยงบลงทุน 700 ล้านบาท โดยเฟสแรกจะเปิดให้บริการในเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้”
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการ RXV จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการรุกตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่กำลังมาแรง เฟสแรกจำนวน 83 ห้อง จาก 150 ห้อง พร้อมลงทุนในพื้นที่เพื่อกิจกรรมดูแลสุขภาพ ขึ้นใหม่อีกกว่า 4,000 ตาราง เมตร โดยใช้หลักการดูแลสุขภาพแบบผสมผสานที่รวบรวมเอาศาสตร์การดูแลสุขภาพมาไว้มากมาย
น.ส.ดุษฎี กล่าวว่า รูปแบบการให้บริการสุขภาพที่ RXV ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านสุขภาพและการพักผ่อนของทุกวัย เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นดูแลสุขภาพไปจนถึงผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ดูแลสุขภาพแบบจริงจัง จะเป็นการมานอนพักผ่อนเป็นครอบครัวท่ามกลางธรรมชาติ หรือจะพาคนที่คุณรักมาเข้าโปรแกรมดูแลสุขภาพแบบเช้าเย็นกลับ แบบค้างคืน แม้กระทั้งการมาจัดงานสัมมนาควบคู่ไปกับโปรแกรมการดูแลสุขภาพในรูปแบบองค์กร ที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการจัดงานสัมมนาหรืออีเวนต์ต่างๆขององค์กรผ่านกิจกรรมสุขภาพ เริ่มแรกจะจับกลุ่มลูกค้าชาวไทยก่อน
ขณะที่สวนสามพรานเห็นการร่วมมือดังกล่าวจะช่วยต่อยอดธุรกิจที่กำลังขยายไปด้านเกษตรอินทรีย์ป้อนวัตถุดิบ จัดกิจกรรมต่างๆ สนับสนุนซึ่งกัน เอาความเชี่ยวชาญของแต่ละด้านมาเสริมสร้างซินเนอร์จี้ให้มีความแข็งแกร่งร่วมกันต่อไป.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th