จากผลพวงของการระบาด “โควิด-19” นอกจากจะส่งผลกระทบต่อทั้งภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและหลากหลายธุรกิจแล้ว ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คน จนเกิด “นิว นอร์มอล” หรือ “วิถีชีวิตใหม่”
ทั้งยังเร่งเร้าให้มีการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นดิจิทัลมากขึ้น
รวมทั้งโลกยุคใหม่ยังต้องปรับตัวรับกับความหลากหลายในเรื่องรุ่นหรือวัย ทั้งในส่วนของพนักงานในองค์กรและกลุ่มลูกค้า เพราะตลาดเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรองรับกับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ
หลายองค์กรภาคธุรกิจต้องปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
ดังนั้น ในการแถลงวิสัยทัศน์ประจำปีของ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL เมื่อเร็วๆนี้ ที่มี “สาระ ล่ำซำ” เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ธุรกิจประกันชีวิตบ้านเรา จึงประกาศลั่น
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต เมืองไทยประกันชีวิตพร้อมพัฒนาในทุกด้าน เพื่อก้าวเดินไปพร้อมคุณ Whatever is Next, MTL is NEXT to you.”
“สาระ” ย้ำว่าโลกต่อไปนี้จะเป็นแบบ “โลกกลับด้าน” จะไม่ใช่โลกที่เราคุ้นเคย ดังนั้นการทำธุรกิจจะต้องมีการปรับมุมมองใหม่ๆ รวมทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 เมืองไทยประกันชีวิตได้วางเป้าหมายการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการเติบโตทางธุรกิจและตรงต่อความต้องการของลูกค้าที่มุ่งเน้นการพัฒนาขีดความสามารถของช่องทางการขายเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน การพัฒนากระบวนการทำงานในทุกด้าน การขยายธุรกิจและบริการผ่านพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบใหม่
ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าการเป็นองค์กรที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการลูกค้ารวมไปถึงการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีศักยภาพในต่างประเทศ เช่น กลุ่มประเทศอาเซียน และขยายสู่ธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง และส่งเสริมธุรกิจ การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ และการมีธรรมาภิบาลที่ดี
“ในปีนี้ เมืองไทยประกันชีวิตจะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “MTL Next To You” ที่มุ่งเน้นการพัฒนารอบด้านอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมประกาศจุดยืนในการเป็นผู้นำตลาดด้านความคุ้มครองสุขภาพ และการบริหารความมั่งคั่ง ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่อีกด้วย”
รวมทั้งยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากลเพื่อสามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลเต็มตัว
ในส่วนของแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จะดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตรงต่อความต้องการของลูกค้าแบบ Outside In หรือ “โลกกลับด้าน”
พร้อมพัฒนาและผสมผสานรูปแบบของการบริการทั้งเรื่องของนวัตกรรมใหม่ การบริการผ่านระบบดิจิทัลและนอนดิจิทัลเพื่อตอบ โจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ
เพราะจากการระบาดของโควิด-19 และการที่มีคนรอบข้างโดยเฉพาะญาติผู้ใหญ่ที่ล้มป่วยเพราะโรคร้ายต่างๆ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายอย่างมาก ทำให้แนวโน้มพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่จะให้ความสนใจที่จะทำประกันชีวิตมากขึ้น แต่ยังขาดข้อมูลว่าควรจะทำประกันชีวิตแบบไหนดีถึงจะคุ้มค่าและเหมาะสม
นี่จะเป็นหน้าที่ใหม่หรือบทบาทใหม่ของ “ตัวแทนประกัน” ยุคใหม่ โดยต่อไปนี้ตัวแทนประกันอาจจะไม่ได้เน้นเรื่องการขายมากเหมือนเดิม แต่จะเป็นการให้ข้อมูลในเรื่องผลิตภัณฑ์ต่างๆกับลูกค้ามากกว่า
ทั้งนี้ เพื่อตอบรับโลกยุคใหม่ บริษัทได้ยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล ให้สามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลระบบกระบวนการทำงานอัตโนมัติ หรืออาร์ทีเอ เพื่อให้การทำงานเพิ่มประสิทธิภาพและนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้ รวมถึงการเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจในด้านต่างๆ
เมืองไทยประกันชีวิตยังมีเป้าหมายยกระดับองค์กรเป็นองค์กรที่น่าอยู่และเป็นองค์กรแห่งแรกแห่งการเรียนรู้ ด้วยการพัฒนาพนักงานให้มีขีดความสามารถรอบด้านเป็นศูนย์รวมของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ หลากหลายมิติ เพื่อคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กระบวนการทำงานรวมถึงพัฒนาองค์กรให้มีความทันสมัยก้าวทันกับโลกตลอดเวลา
“เราพร้อมเปิดรับคนรุ่นใหม่มาร่วมขับเคลื่อนองค์กรสู่โลกดิจิทัล และยังให้ความสำคัญการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับความรับผิดชอบในด้านการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ด้านสังคมและธรรมาภิบาล”
ทั้งหมดนี้เป็นสาระหลักที่จะทำให้เมืองไทยประกันชีวิตเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน!!!
เจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจ