สุพริศร์ สุวรรณิก สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะระลอกไหนๆ คงหนีไม่พ้นอุตสาหกรรม “สปาและนวดแผนไทย” ซึ่งถือเป็นธุรกิจอันดับแรกๆที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด (ที่จำเป็นต้องทำ) โดยนอกจากอุตสาหกรรมจะพึ่งพิงลูกค้าชาวไทยเองแล้ว ยังพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในฐานะที่ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ชอบนวดแผนไทย และได้เข้าร่วมเสวนา “Industry Transformation” กับผู้ประกอบการ นักวิชาการ และนักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้ วันนี้จึงขอเจาะลึกพร้อมชวนคิดถึงแนวทางช่วยเหลือและยกระดับศักยภาพของธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญตามยุทธศาสตร์ของรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต นั่นคือ “health & wellness” กันครับ
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทย เกี่ยวข้องกับแรงงานไทยเป็นจำนวนมาก โดยจากคำบอกเล่าในงานเสวนา คาดว่ามีการจ้างงาน ทั้งในและนอกระบบสูงกว่า 6.5 แสนราย
เมื่อเกิดวิกฤติโควิด-19 ผู้ประกอบการทุกขนาดในอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐและสถาบันการเงินไปบางส่วนแล้ว เช่น มาตรการชดเชยรายได้ 5,000 บาท 3 เดือน ซึ่งบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่ง แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เน้นให้บริการลูกค้าชาวต่างชาติ เป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กที่สายป่านยาวพอ ยังประคับประคองธุรกิจอยู่ได้บ้าง ซึ่งหนึ่งในปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวิกฤติ คือการเคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกอุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยจำนวนมาก โดยกว่าครึ่งเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นๆแทน อาทิ พนักงานขนส่งดีลิเวอรี และบางส่วนย้ายกลับไปภูมิลำเนาเดิมและทำการเกษตร
อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมสปาและนวดแผนไทยเป็นส่วนหนึ่งของ health & wellness อันเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของรัฐ จึงควรให้ความสำคัญ และสามารถยกระดับศักยภาพได้ โดยข้อเสนอแนะจากเสวนาที่ผู้เขียนอยากชวนคิดมีดังนี้ ในระยะสั้น รัฐอาจเร่งกระจายความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนให้ครอบคลุมมากขึ้นในทุกขนาดธุรกิจ และอาจพิจารณานโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในลักษณะ wellness-quarantine ในยามที่ยังไม่สามารถฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ครบถ้วนในประเทศ ในระยะยาว บทบาทของรัฐมีความสำคัญมาก ได้แก่ 1) การสร้างความตระหนักรู้และทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับประโยชน์ของสปาและการนวดให้เป็นที่แพร่หลายยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ผลงานวิจัยไทยที่พิสูจน์ประโยชน์ของการใช้บริการเพื่อสุขภาพที่ดี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ 2) การสนับสนุนให้การใช้บริการสปาและนวดแผนไทยสามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ โดยได้รับความคุ้มครองภายใต้สิทธิสวัสดิการและระบบประกันสุขภาพ 3) การผ่อนคลายกฎระเบียบที่ไม่จำเป็น รวมทั้งลดช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อลดจำนวนธุรกิจสีเทาแอบแฝง ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย และ 4) การส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานในอุตสาหกรรมให้สามารถขยายขอบเขตการให้บริการในกิจกรรมเกี่ยวเนื่องอื่นๆที่เป็นอัตลักษณ์เพื่อการรักษาสุขภาพได้ เช่น การใช้ประโยชน์จากสมุนไพร
คงต้องบอกเหมือนกับเนื้อเพลงของคุณปาล์มมี่ที่ว่า “นวด นวด หยุด หยุด ถึงใจถึงจุด เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวมันก็หาย...” ซึ่งผู้เขียนหวังว่า สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 จะทุเลาและหายไปโดยเร็ว การเร่งจัดหาและฉีดวัคซีนในประเทศจะมีประสิทธิผล และปลดล็อกให้ผู้ประกอบการสปาและนวดแผนไทยได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้งครับ.