นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตัวแทนกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำของ บมจ.อัครา รีซอร์สเซส ต่อนายกรัฐมนตรี, ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน, อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, ประธานคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 11 มี.ค.นั้น กระทรวงได้ให้ความสำคัญกับการร้องเรียนประเด็นต่างๆมาตลอด และได้มอบให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยกรณีบริษัทอัคราฯได้รับอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษทับลงบนที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และได้มีการกล่าวว่าบริษัทอัคราฯได้สิทธิเหนือที่ดิน ส.ป.ก. และได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศว่า ได้สิทธิที่ดินดังกล่าวเช่นกัน
นายสุริยะ กล่าวว่า กรณีนี้ กพร.ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษของบริษัทอัคราฯที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นการให้สิทธิในการสำรวจแร่ทองคำในพื้นที่ที่กำหนด ไม่ใช่การอนุญาตหรือให้สิทธิในการครอบครองพื้นที่ ดังนั้น การเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจแร่จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ก่อน ซึ่งคือ ส.ป.ก.และชาวบ้านที่ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่อาชญาบัตรพิเศษ ส่วนกรณีที่มีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศว่าได้สิทธิในที่ดินดังกล่าว ล่าสุด กพร.ได้ตรวจสอบรายงานประจำไตรมาสของบริษัท คิงส์เกตคอลโซลิเต็ดลิมิเต็ด จำกัด ที่เป็นบริษัทแม่ของบริษัทอัคราฯ ปรากฏว่ายังไม่พบข้อความที่ระบุว่า มีสิทธิเหนือที่ดิน ส.ป.ก. มีเพียงระบุว่าบริษัทอัคราฯได้รับอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษรวม 44 แปลงเท่านั้น
ทั้งนี้ การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำของบริษัทอัคราฯจำนวน 44 แปลง ที่เพชรบูรณ์ เป็นการอนุญาตตามคำขอเดิมที่บริษัท อัคราฯได้ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 46 และปี 48 ต่อมาบริษัทอัคราฯได้ดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 และกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ พ.ศ.2560 อย่างครบถ้วน คณะกรรมการแร่จึงได้พิจารณาคำขออาชญาบัตรพิเศษตามขั้นตอนกฎหมายโดยคำนึงถึงดุลยภาพทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนด้วยความรอบคอบ ก่อนมีมติให้ความเห็นชอบอนุญาตเมื่อ 16 ต.ค.63.