นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้า ผู้ผลิต และตัวแทนจำหน่ายรถเบนซ์อย่างเป็นทางการแต่ผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่าเบนซ์มีความมั่นใจว่าตลาดรถยนต์ลักชัวรีจะยังคงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยผลักดันและขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เพราะแม้ว่าเราทุกคนจะต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา แต่เรายังมองเห็นสัญญาณบวกจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ความต้องการในรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
“สำหรับในตลาดไทย ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เบนซ์จึงให้ความสำคัญกับสภาพคล่องของผู้จำหน่ายรถเบนซ์และสามารถประคับประคองสถานการณ์ให้ผ่านพ้นปี 2563 มาได้ด้วยดี เรายังมองเห็นสัญญาณบวกอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยเบนซ์มีความทึ่งกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของตลาดรถยนต์ในไทยจากการระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้ว จากระยะแรกที่เริ่มมีการระบาดของโรคนี้ในไทย เบนซ์คาดว่าตลาดรถยนต์ในไทยคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะฟื้นตัวเหมือนเมื่อคราวเกิดวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” แต่เป็นเพราะทั้งทางการไทยและประชาชนไทยได้ร่วมใจกันฝ่าวิกฤติโควิด-19 รวมทั้งการมีระบบสาธารณสุขที่ดีได้ทำให้วิกฤตินี้คี่คลายอย่างรวดเร็ว เชื่อว่าในการระบาดระลอกใหม่ครั้งนี้ ประเทศไทยจะสามารถผ่านพ้นไปได้แน่นอน”
นายโฟล์เกอร์ กล่าวว่าในปี 2564 เบนซ์พร้อมสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง ปีนี้มีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆถึง 15 รุ่น โดยในครึ่งปีแรก เตรียมนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นคอมแพ็คใหม่ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ที่จะมาพร้อมเทคโนโลยี ที่เรียกได้ว่าเป็นนิวเอจของเทคโนโลยีไฮบริด รวมถึงเบนซ์อีคลาสใหม่ ยนตรกรรมอัจฉริยะที่พร้อมมอบทุกสิ่งที่คุณต้องการ สะกดทุกสายตาด้วยดีไซน์ใหม่สุดโฉบเฉี่ยวเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ ราคาเริ่มต้นที่ 3.19 ล้านบาททั้งนี้เบนซ์ยังยืนยันจะเดินหน้าโครงการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทย ในส่วนของดีลเลอร์ (ผู้จำหน่ายรถเบนซ์) ยังคงระดับนี้ ไม่มีแผนจะปรับเพิ่มหรือลดดีลเลอร์.