5 เสือยางพาราไล่ทุบราคาร่วง

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า กยท.ได้ประชุมหารือเพื่อรับมือราคายางพาราที่ปรับตัวลดลง โดยวันที่ 8 ก.ย.2563 ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 ปรับตัวลดลงเหลือ 56.10 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ลดลง 7% จากก่อนหยุดยาว 4 วัน หรือวันที่ 3 ก.ย.ราคาอยู่ที่ 59.90 บาทต่อ กก.หลังราคาปรับขึ้นต่อเนื่อง สร้างสถิติใหม่ในรอบ 3 ปี 2 เดือน ราคา 61.95 บาทต่อ กก. เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 และบางส่วนเกิดจากกลไกธุรกิจ ที่เอกชนซื้อยางเพื่อส่งมอบตามสัญญาราคาไม่ถึง 50 บาทต่อ กก.แต่ กยท.ได้ใช้กลไกตลาดเข้าซื้อดันราคาไม่ให้ดิ่งลงมาก

สำหรับการปรับลดลงของราคายางในช่วงวันหยุดยาวนั้น เป็นการปรับฐานราคา เนื่องจากที่ผ่านมาราคาได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แนวโน้มราคายังเป็นขาขึ้น เพราะมีฝนตกทางภาคใต้ค่อนข้างมาก ทำให้ผลผลิตออกมาน้อย ขณะที่ปริมาณความต้องการของผู้ใช้รายใหญ่อย่างจีน ยังมีความต้องการใช้ยาง ดังนั้นราคาที่ปรับลดลงไม่มีอะไรที่น่ากังวลหรือผิดปกติเกิดขึ้น และเป็นไปตามกลไกตลาด และในช่วงที่ราคายางปรับตัวลง ก็อาจจะทำให้เกิดความตกใจและมีการเทขาย ก็ทำให้ราคายิ่งต่ำลงไปได้และทำให้ตลาดทำกำไรกันได้ง่ายขึ้น

“ขอให้เกษตรกรอย่ากังวลเกี่ยวกับราคายางพาราที่ปรับตัวลดลงแรง เนื่องจากผลผลิตยางพาราในตลาดมีน้อย เพราะเป็นช่วงฝนตก และแรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานพม่า เมื่อเกิดการระบาดโควิด-19 ทำให้กลับมาทำงานไม่ได้ ขณะที่ความต้องการยางพาราของจีนยังมีอยู่มาก เมื่อสวนของเกษตรกรไม่มียางพารา พ่อค้าที่ต้องซื้อยางเพื่อส่งมอบ และส่งออก อย่างไรเสียก็ต้องซื้อ ขอวิงวอนชาวสวนอย่าตระหนกไป เพราะแนวโน้มราคายาง ยังเป็นขาขึ้น ซึ่ง กยท.ได้เข้าไปดูแลราคายางของเกษตรกรแล้ว ราคาอาจปรับตัวลดลงบ้าง แต่อีกไม่นานราคาจะสูงขึ้น ยางแผ่นรมควันชั้น 3 สามารถเก็บได้นาน เพราะฉะนั้นเกษตรกรไม่ควรเทขายยางพารา”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การปรับตัวลดลงของราคายางพาราเกิดจากพ่อค้าผู้ส่งออกที่เรียกว่า “5 เสือยางพารา” ไล่ทุบราคา โดยอาศัยช่วงวันหยุดยาว ที่ กยท.หยุดทำการกดราคา เพื่อจะได้นำยางพาราไปส่งมอบ ตามสัญญาที่ขายล่วงหน้าไว้ 40 กว่าบาทต่อ กก. เพื่อให้สัญญาล่วงหน้าของเอกชน ผู้ส่งออกไม่ขาดทุนมากเกินไป

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้เร่งส่งออกปาล์มน้ำมัน 300,000 ตัน และการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อผลิตไฟฟ้าอีก 100,000 ตัน เพื่อลดส่วนเกินในประเทศ ส่วนการประกันรายได้ชาวสวนปาล์มน้ำมันปี 2564 ให้คงแนวทางเดิมไว้ เพื่อทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบ อยู่ที่ราว 4 บาทต่อ กก. ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรมีกำไรและอยู่ได้.