
สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน เป็นตัวแทนประเทศไทยให้การดูแลประสานงานด้านการค้า เศรษฐกิจ ระหว่างไทย-ไต้หวัน รวมทั้งดูแลคนไทยที่ไปอาศัยและทำงานในประเทศไต้หวัน.
“ไต้หวัน” เป็นอีกประเทศที่เป็นตลาดแรงงานของไทย เนื่องจากมีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และแรงงานไทยยังเป็นที่ต้องการของบริษัทก่อสร้างในไต้หวัน นอกเหนือจากคนไทยที่ไปอาศัยถาวร
ตัวเลขปัจจุบันมี คนไทย อยู่อาศัยในไต้หวันประมาณกว่า 9,000 คน และมีแรงงานไทยไปทำงานอยู่ประมาณกว่า 60,000 คน ซึ่งเป็นแรงงานที่ไปทำงานมีสัญญาจ้างถูกกฎหมาย
วันก่อน นายณรงค์ บุญเสถียรวงศ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล ได้นำคณะ “กรมการกงสุลสัญจร” เดินทางไปร่วมกิจกรรม “กงสุลสัญจร” ที่เมืองเกาสง ตามนโยบายของ กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจัดโดย สนง.การค้าและเศรษฐกิจไทย ณ กรุงไทเป
ผู้ที่ร่วมคณะไปด้วย มี นายดนย์วิศว์ พูลสวัสดิ์ ผอ.กองตรวจลงตรา น.ส.อารยา ณ มโนรม นักการทูตปฏิบัติการ น.ส.วราภรณ์ ชมพูนุทจินดา และ นายธีรธร สุจารีกุล เลขานุการเอก ประจำ สนง.การค้าและเศรษฐกิจไทย ณ กรุงไทเป
เมืองเกาสง ถือเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของไต้หวัน รองจากไทเปและไถจง มีที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของไต้หวัน ห่างจากไทเปประมาณ 350 กม. เดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงจากไทเปจะใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง 30 นาที ปัจจุบันมี คนไทย อาศัยและทำงานอยู่ประมาณ 18,000 คน จาก 70,000 คนทั่วไต้หวัน
ปกติ สนง.การค้าและเศรษฐกิจไทย ณ กรุงไทเป ได้เปิดให้จองคิวใช้บริการต่างๆของ คณะกงสุลสัญจร ล่วงหน้าทางออนไลน์ 1 เดือน ทุกเดือน เดือนละ 2 ครั้ง มีชาวไทยลงทะเบียนใช้บริการทำหนังสือเดินทาง ต่อบัตรประจำตัวประชาชน บริการนิติกรณ์ และขอคำแนะนำด้านต่างๆ
นายณรงค์ บุญเสถียรวงศ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล ได้พบปะพูดคุยกับคนไทยที่มารับบริการกงสุลสัญจรที่เมืองเกาสง เพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในพื้นที่ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ให้คำแนะนำ ข้อพึงระวังเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในไต้หวัน เช่น การรักษาสุขภาพ การ เตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น
จากการพบปะพูดคุยพบว่าคนไทยที่เดินทางมาไต้หวันส่วนใหญ่จะเดินทางมาเพื่อประกอบอาชีพแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม โดยเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีชีวิตที่ดี ไม่ประสบความยากลำบากมากนักในการใช้ชีวิต และมีเงินเก็บพอสมควร แม้ว่าค่าครองชีพจะสูงก็ตาม โดยเงินเก็บส่วนใหญ่ได้มาจากการทำงานล่วงเวลา และการเก็บหอมรอมริบ
นอกจากนี้ ยังได้รับสวัสดิการและสิทธิคุ้มครองการทำงานที่ดีและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หากเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชยอุบัติเหตุได้ หากทำงานครบ 12 ปีสามารถขอเงินบำนาญได้ เป็นต้น
สำหรับ แรงงานที่ลักลอบเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย หากถูกจับได้จะต้องโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 2,000 ดอลลาร์ไต้หวัน มีชื่อขึ้น blacklist ของไต้หวัน ก่อนจะถูกส่งตัวกลับไทยตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
นายวิทยา จ.ขอนแก่น หนึ่งในคนไทยที่มาต่ออายุหนังสือเดินทางเล่าว่า มาทำงานในโรงงานผลิตและแปรรูปเหล็กที่ไต้หวันกว่า 11 ปีแล้ว ในช่วงแรกๆ มีอุปสรรคด้านภาษาอยู่บ้าง แต่อยู่ๆไปได้คุยได้ฝึกภาษากับเพื่อนที่ทำงานวันละคำสองคำ
“ตอนนี้สามารถสื่อสารได้เหมือนคนไต้หวันทั่วไปแล้ว ชีวิตมีความสุขดี ตั้งใจกลับไทยเมื่อครบกำหนดการทำงานตามกฎหมายของไต้หวันในปีหน้า”
ส่วน นายนะรัตน์ จ.ชัยนาท เล่าถึงประสบการณ์ทำงานที่ไต้หวันและเคล็ดลับการเก็บเงินว่า ตนทำงานซ่อมแซมเรือยอชต์ในไต้หวันมา 4 ปีแล้ว รู้จักงานนี้เพราะคนในจังหวัดที่ตนรู้จักแนะนำมา ช่วงเวลาการทำงานจะเริ่มตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มในทุกๆวัน ได้เงินเดือนและค่าทำงานล่วงเวลาค่อนข้างสูง
“ผมโชคดีมีนายจ้างใจดี ให้ที่พักอาศัยและจัดหาอาหารให้ทั้ง 3 มื้อ หากประหยัดไม่เล่นการพนัน ไม่ดื่มสุรา ก็สามารถเก็บเงินได้เยอะ และหากมาถูกกฎหมาย ประพฤติตัวดี ตั้งใจทำงานได้ครบ 12 ปี และอายุ 65 ปี สามารถขอเงินบำนาญของไต้หวันได้อีกด้วย” นายนะรัตน์ กล่าว
ด้าน นายธงชัย ชาสวัสดิ์ ผอ.สนง.การค้าและเศรษฐกิจไทย ณ กรุงไทเป เปิดเผยว่า ปัญหาของคนไทยในไต้หวันจะมี อาทิ เสพยาเสพติด เป็นแรงงานไทย ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ 30 คน และปัญหาแรงงานไทยทะเลาะวิวาทกันเอง
ส่วนปัญหาอื่นๆไม่ค่อยมี เพราะแรงงานเข้ามาถูกกฎหมายจึงได้รับการดูแลอย่างดี
“ช่วงไวรัสโคโรนาฯ หรือโควิด-19 ระบาด แรงงานไทยเข้ามาก็ต้องมีการพักเก็บตัวในสถานที่ที่กำหนด ตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกัน เป็นเวลา 14 วัน ทางสำนักงานฯได้ประสานกับบริษัทนายจ้างเขาก็จ่ายค่าจ้างให้ตามปกติ และขณะนี้ยังไม่พบคนไทยในไต้หวันติดเชื้อแต่อย่างใด” นายธงชัย กล่าว
ดังนั้น แรงงานไปทำงานในต่างประเทศ หากไปอย่างถูกกฎหมายผ่านกรมการจัดหางาน และบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จะได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการดีเหมือนคนไทยในไต้หวัน.
ทีมข่าวภูมิภาค