พาณิชย์เห่กล่อมผู้ผลิตอุ้มผู้บริโภค น้ำหวานลดราคา 2-3 บาทต่อขวด

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

พาณิชย์เห่กล่อมผู้ผลิตอุ้มผู้บริโภค น้ำหวานลดราคา 2-3 บาทต่อขวด

Date Time: 11 ก.พ. 2563 05:25 น.

Summary

กรมการค้าภายในปลื้ม ผู้ผลิตน้ำหวานยอมลดราคาขายขวดละ 2-3 บาทช่วยเหลือชาวบ้าน จับตารายอื่นๆจะลดตามหรือไม่ ส่วนกรณีบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ไม่มีผลทำให้ต้นทุนผลิตพุ่ง

Latest

ทำไมตลาดของเล่นโตแรง? เบื้องหลัง “Joy Economy” เมื่อธุรกิจของเล่นปุ๊กปิ๊ก คืนความสุขให้ผู้ใหญ่

กรมการค้าภายในปลื้ม ผู้ผลิตน้ำหวานยอมลดราคาขายขวดละ 2-3 บาทช่วยเหลือชาวบ้าน จับตารายอื่นๆจะลดตามหรือไม่ ส่วนกรณีบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ไม่มีผลทำให้ต้นทุนผลิตพุ่ง ผู้ผลิตอย่ามาอ้างขอปรับขึ้นราคาขายเด็ดขาด ชี้ช่วงบาทแข็ง ต้นทุนต่ำ ยังไม่มีใครขอลดราคาขาย

นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ทำหนังสือขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตน้ำหวานปรับลดราคาจำหน่ายลง เพื่อลดภาระความเดือดร้อนของผู้บริโภค หลังจากน้ำหวานหลายยี่ห้อ ได้ปรับขึ้นราคาไม่ต่ำกว่า 10 บาทต่อขวด ซึ่งเป็นการปรับขึ้นราคาตามภาษีความหวานของกรมสรรพสามิตที่มีผลครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2562

โดยขณะนี้ ได้รับทราบข่าวดีว่า น้ำหวานบางยี่ห้อได้ปรับลดราคาลงมาแล้ว 2-3 บาทต่อขวด ซึ่งกรมกำลังติดตามว่าจะมียี่ห้อใดอีกที่จะปรับลดราคาตามมาหรือไม่

“กรมไม่สามารถบังคับให้ผู้ผลิตน้ำหวานปรับลดราคา เพราะช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้ผลิตน้ำหวานหรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลทรายจะปรับขึ้นราคาตามการเพิ่มภาษีความหวาน กรมได้พิจารณาต้นทุนและเหตุผลแล้ว จึงได้อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาได้ ดังนั้น ขณะนี้จึงทำได้เพียงขอความร่วมมือให้ปรับลดราคาลง หากสินค้าประเภทใดที่ได้ปรับขึ้นราคาสูง ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีที่ผู้ประกอบการยอมให้ความร่วมมือ และเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภค”

สำหรับกรณีของน้ำอัดลม กรมคงไม่ได้ขอความร่วมมือให้ปรับลดราคาลง ได้ เพราะเข้าใจเจตนารมณ์ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ไม่ต้องการให้สินค้าดังกล่าวมีราคาถูก เพราะจะทำให้ประชาชนซื้อมาบริโภคมาก และอาจไม่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงเครื่องดื่มบางชนิดด้วย
นายประโยชน์กล่าวว่า กรณีที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจากสถานการณ์การระบาดไวรัสโคโรนาและคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ 1% หากค่าเงินอ่อนค่าลง 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ คงไม่มีผลทำให้ผู้ผลิตสินค้า ต้องขอปรับขึ้นราคาสินค้า แม้ต้องนำเข้าวัตถุดิบในราคาที่สูงขึ้นก็ตาม เพราะช่วงที่เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นบริษัทรายใดทำหนังสือมาขอลดราคาสินค้า เพราะต้นทุนที่ถูกลง ดังนั้น หากผู้ผลิตรายใดที่นำเข้าวัตถุดิบมาผลิต หรือนำเข้าสินค้าสำเร็จเข้ามา จะมาขอขึ้นราคาสินค้าโดยอ้างต้นทุนสูงขึ้นจากค่าเงินบาทอ่อนค่า กรมจะไม่อนุมัติให้แน่นอน ยกเว้นกรณีที่ต้นทุนสูงขึ้นมากจริงๆ

“การพิจารณาปรับขึ้นราคาสินค้า กรมต้องดูในหลายๆปัจจัย ทั้งเรื่องของค่าเงินบาทที่มีผลต่อสินค้านำเข้า, ราคาพลังงาน, ค่าแรงงานขั้นต่ำ, ภาษี เป็นต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ หากมองว่าค่าเงินอ่อนค่า ทำให้นำเข้าสินค้าแพงขึ้น แต่เมื่อดูต้นทุนอื่นๆแล้วปรากฏว่ายังอยู่ในระดับต่ำ ก็คงไม่สามารถอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างแน่นอน”

นายประโยชน์กล่าวว่า สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปในขณะนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ส่วนใหญ่ราคายังอยู่ในระดับต่ำ ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่ขอปรับขึ้นราคาสินค้า เพราะขณะนี้ไม่มีแรงกดดันที่ทำให้ราคาสินค้าต้องปรับขึ้นราคา โดยเฉพาะราคาน้ำมันยังไม่ปรับขึ้นสูงมาก กำลังซื้อผู้บริโภคยังทรงตัวและมีการแข่งขันที่รุนแรงของผู้ประกอบการ ที่มีการจัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถมอย่างต่อเนื่อง เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าให้มากขึ้น รวมถึงค่าบริหารจัดการต่างๆ ไม่ได้สูงขึ้น

ดังนั้น จึงมีเพียงสินค้าบางประเภท อาทิ สบู่, ยาสีฟัน, ยาสระผม เป็นต้น ที่ขอลดขนาดหรือเพิ่มขนาด ก็ได้ยื่นเรื่องมายังกรมให้พิจารณาตั้งราคาขายใหม่ ซึ่งมีทั้งราคาลดลง และเพิ่มขึ้น แต่ตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ คือ หากมีการลดขนาดสินค้าก็ต้องลดราคาลงด้วย และห้ามคงราคาเดิม ไม่เช่นนั้นจะผิดกฎหมายทันที.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ