รัฐจัดหนักอีก 7 หมื่นล้าน ไฟเขียว 3 มาตรการดึงราคาข้าวเปลือก

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

รัฐจัดหนักอีก 7 หมื่นล้าน ไฟเขียว 3 มาตรการดึงราคาข้าวเปลือก

Date Time: 25 พ.ย. 2562 08:37 น.

Summary

  • นบข.ด้านตลาด อนุมัติ 3 โครงการดึงราคาข้าวเปลือกปี 62/63 ใช้งบ 7 หมื่น ล้านบาท รับมือผลผลิตออกพร้อมกันจำนวนมาก ฉุดราคาลดลง มีทั้งเก็บข้าวยุ้งฉาง ให้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท

Latest

"ล้านนาทีค" เมกะโปรเจกต์หมื่นล้าน จาก AWC จุดเช็กอินเชียงใหม่

นบข.ด้านตลาด อนุมัติ 3 โครงการดึงราคาข้าวเปลือกปี 62/63 ใช้งบ 7 หมื่น ล้านบาท รับมือผลผลิตออกพร้อมกันจำนวนมาก ฉุดราคาลดลง มีทั้งเก็บข้าวยุ้งฉาง ให้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท ชดเชยดอกเบี้ย 3% ให้ผู้รวบรวมข้าว และชดเชยดอก 3% ให้ผู้ส่งออก ยันราคาข้าวขึ้นได้แน่

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบาย และบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด (นบข.ด้านตลาด) ที่มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการยกระดับราคาข้าวเปลือกปี 62/63 รวม 3 โครงการ วงเงิน 70,000 ล้านบาท เพื่อดึงข้าวเปลือกออกจากตลาดในช่วงที่ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดมาก และป้องกันปัญหาราคาตกต่ำ โดยมีเป้าหมายดึงข้าวเปลือกออกจากตลาด 6.5 ล้านตัน และเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.62

สำหรับโครงการแรก เป็นโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โดยจะจ่ายเงินชาวนาที่เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตัวเองเป็นค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท แต่หากให้สถาบันเกษตรกรเป็นผู้เก็บข้าวให้ รัฐจะจ่ายเงินให้สถาบันเกษตรกรเป็นค่าฝากเก็บตันละ 1,000 บาท ส่วน ชาวนาจะได้ตันละ 500 บาท เพราะสถาบันเกษตรกรต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าขนข้าวจากชาวนามายังที่จัดเก็บ ค่าความเสี่ยงต่างๆ เป็นต้น โดยมีเป้าหมายเก็บให้ได้ 1 ล้านตัน วงเงินจ่ายขาดรวม 1,500 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ชาวนายังสามารถนำข้าวที่เก็บไว้ไปขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้อีก แต่จะคิด ราคาข้าว 80% ของราคาตลาด ซึ่งข้าวเปลือกหอมมะลิจะได้ตันละ 11,000 บาท ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ตันละ 9,900 บาท และข้าวเหนียวตันละ 8,700 บาท โดยรัฐจะชดเชยดอกเบี้ยให้ 2.4% คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท

ส่วนโครงการที่ 2 สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร กำหนดวงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท เป้าหมายข้าวเปลือก 1.5 ล้านตัน โดยจะให้สถาบันเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ และวิสาหกิจชุมชน รับซื้อข้าวเปลือก รวบรวมข้าวเปลือก สามารถกู้เงินจาก ธ.ก.ส. และเสียดอกเบี้ยเพียง 1% รัฐอุดหนุนดอกเบี้ยให้ 3% คิดวงเงินดอกเบี้ยที่รัฐจะจ่ายชดเชยให้รวม 562 ล้านบาท

สำหรับโครงการที่ 3 ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก มีเป้าหมาย 4 ล้านตัน วงเงิน 45,000 ล้านบาท โดยรัฐจะช่วยภาระดอกเบี้ย 3% ที่ผู้ประกอบการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารรัฐ โดยมีเงื่อนไขต้องเก็บข้าวไว้ในสต๊อก 2-6 เดือนก่อนนำมาขายในตลาด ระยะเวลารับซื้อตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.62-30 เม.ย.63 ส่วนภาคใต้เริ่มซื้อวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.63

“นบข.ด้านตลาด อนุมัติโครงการย้อนหลังไปถึงวันที่ 1 พ.ย.62 เพราะก่อนหน้านี้ได้เตรียมการกันมาแล้ว เมื่อมีมติออกมาก็ให้ดำเนินการต่อได้ทันที ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกขยับขึ้นทันที จากก่อนหน้านี้ราคาเริ่มลงผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก โดยล่าสุดข้าวเปลือกหอมมะลิเพิ่มขึ้นตันละ 1,000-1,200 บาท มาอยู่ที่ตันละ 15,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเพิ่มตันละ 1,500 บาท มาอยู่ที่ตันละ 13,000-14,000 บาท มั่นใจ ว่าเมื่อดำเนินการมาตรการได้ทั้งหมด จะทำให้ราคาข้าวเปลือกมีเสถียรภาพในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากๆได้แน่”

ด้านนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการยกระดับราคาข้าวเปลือกปี 62/63 คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ กรมได้เตรียมความพร้อมโดยให้สหกรณ์จังหวัดเร่งแจ้งหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่ามีโรงสีเอกชนและสหกรณ์การเกษตรบางแห่งต้องปิดจุดรับซื้อข้าวจากเกษตรกร เพราะประสบปัญหาขาดเงินทุนหมุนเวียน.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ