นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ในแผนการจัดหาเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 38 ลำ มูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท
นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ในแผนการจัดหาเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 38 ลำ มูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท นั้น มองว่าการบินไทยมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาเครื่องบินเพื่อเข้ามาเสริมศักยภาพในฝูงบินและให้สามารถแข่งขันกับธุรกิจการบินในตลาดโลกได้ เนื่องจากการบินไทยเป็นสายการบินระดับพรีเมียม ซึ่งตามขั้นตอนขณะนี้เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีกำกับดูแล แผนการจัดหาจากเดิมที่เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ก็จะกลับมาที่การบินไทยเพื่อเข้าบอร์ดการบินไทย ก่อนเสนอมาที่กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และเสนอเข้า ครม.เพื่อขอพิจารณาอนุมัติ
สำหรับรูปแบบของแหล่งเงินที่จะนำมาจัดหาเครื่องบินจำนวน 38 ลำนั้น เบื้องต้นมี 2 แนวทาง คือ การกู้เงินและการเพิ่มทุน ซึ่งรูปแบบที่มีความเป็นไปได้ คือการเพิ่มทุนเพราะการเพิ่มทุนจะไม่กระทบกับฐานะการเงินของประเทศ โดยฝ่ายบริหารและที่ปรึกษาจะต้องไปพิจารณาเพื่อให้เกิดความรอบคอบมากที่สุด
นอกจากนั้นมองว่าการบินไทย ควรที่จะมีการปรับวิธีการขายตั๋วผ่านตัวแทนจำหน่าย (เอเย่นต์) ใหม่ จากเดิมการบินไทยขายตั๋วผ่านตัวแทนกว่า 75% ที่มีกว่า 200 ราย ที่เหลือเป็นสัดส่วนของการขายตั๋วผ่านออนไลน์และหน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาการบินไทยเสียโอกาสในการขายตั๋ว เนื่องจากเมื่อเอเย่นต์ล็อกที่นั่งไปขาย แต่เมื่อใกล้วันเดินทาง หากขายตั๋วไม่หมดก็นำตั๋วมาคืนการบินไทย ทำให้ขาดโอกาสขายตั๋วให้กับผู้โดยสารที่มีความต้องการจริงๆ จึงมีนโยบายให้การบินไทยประเมินผลงานของเอเย่นต์แต่ละราย หากรายใดทำให้เสียประโยชน์หรือทำให้รายได้ไม่ตรงเป้า จะต้องถูกขึ้นแบล็กลิสต์หรือถูกตัดสิทธิ์จากการขายตั๋ว เพื่อให้การขายตั๋วผ่านเอเย่นต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น.