คุมเข้มนำเข้าสาร “ไซยาไนด์”

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า กรอ.ได้ร่วมกับ 7 หน่วยงาน เช่น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมศุลกากร กรมการปกครอง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ฯลฯ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์อนุญาตนำเข้า ส่งออก และนำผ่านสารโซเดียมไซยาไนด์ให้รัดกุมขึ้น ป้องกันนำไปใช้นอกภาคอุตสาหกรรม เพราะสารนี้สกัดเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดได้

“จากนี้ไปการนำเข้า ส่งออก และนำผ่านสารโซเดียมไซยาไนด์ จะเปลี่ยนการให้อนุญาตใหม่เป็นรายครั้ง จากเดิมเป็นรายปี โดย กรอ.จะแจ้งให้ ป.ป.ส.ตรวจสอบก่อนการอนุญาตทุกครั้ง อีกทั้งในการนำเข้า ผู้ประกอบการต้องแจ้งวัตถุประสงค์การนำไปใช้งานอย่างละเอียด ส่วนการส่งออกหรือนำผ่านผู้ประกอบการต้องแจ้งข้อมูลผู้ซื้อ ที่อยู่ วัตถุประสงค์การใช้ด้วย”

สำหรับใบอนุญาตเดิมที่ยังไม่หมดอายุ ต้องแจ้งข้อเท็จจริงการนำเข้า ส่งออกวัตถุอันตราย (วอ./อก 6) ให้หน่วยงานทั้งหมดทราบ ขณะที่การนำผ่าน ผู้นำผ่านวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 แต่ละครั้งต้องได้รับอนุญาต และใบนำผ่านมีอายุไม่เกิน 45 วัน และวัตถุอันตรายที่นำผ่านต้องนำออกไปนอกราชอาณาจักรภายใน 5 วัน ตามที่ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2562 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 27 ต.ค.นี้ กำหนดรวมถึงต้องทำประกันค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำลายหรือจัดการกับวัตถุอันตรายด้วย โดยล่าสุด กรอ.ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้จำหน่ายเคมีภัณฑ์ให้เฝ้าระวังไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ผิด พร้อมกันนั้น

กรอ.จะกำกับดูแลโรงงานที่ใช้สารนี้อย่างใกล้ชิด หากไม่ขออนุญาตนำเข้า ส่งออก และนำผ่านให้ถูกต้อง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออก-นำผ่าน 8 ราย จากการตรวจสอบสถานที่จัดเก็บยังไม่พบความผิดปกติ โดยผู้นำเข้าได้จำหน่ายให้ผู้ประกอบกิจการชุบโลหะ และบริษัทจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ส่วนการแจ้งขอส่งออกและนำผ่าน มีแจ้งขอส่งไปยังเหมืองสกัดแร่ทองคำประเทศเพื่อนบ้าน ในปีงบประมาณ 62 กรอ.ได้ออกใบอนุญาตเพียง 1 ใบ จำนวน 53 ตัน มีการนำเข้าจริง 17 ตัน และไม่มีการออกใบอนุญาตส่งออก”.