เอกชน หนุน โซลาร์ภาคปชช.มองอนาคต เพิ่มแรงจูงใจ หากปรับรับซื้อไฟสูงขึ้น

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เอกชน หนุน โซลาร์ภาคปชช.มองอนาคต เพิ่มแรงจูงใจ หากปรับรับซื้อไฟสูงขึ้น

Date Time: 22 มิ.ย. 2562 16:35 น.

Video

Club Med แบรนด์รีสอร์ตหรูผู้มาก่อนกาล | BrandStory Exclusive EP.20

Summary

เอกชน หนุน โซลาร์ภาคปชช.ชี้ คุ้มค่าใช้จ่ายแถมลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม มองอนาคต ตลาดโซลาร์ฯ คึกคัก หากปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าให้สูงขึ้น ยิ่งเพิ่มแรงจูงใจ

Latest


เอกชน หนุน โซลาร์ภาคปชช.ชี้ คุ้มค่าใช้จ่ายแถมลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม มองอนาคต ตลาดโซลาร์ฯ คึกคัก หากปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าให้สูงขึ้น ยิ่งเพิ่มแรงจูงใจ

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่า โครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัย หรือโซลาร์ภาคประชาชน ที่อยู่ระหว่างการเปิดให้ยื่นเสนอขายไฟตั้งแต่ 24 พ.ค.เป็นต้นมาและจะปิดลงทะเบียนปลายปีนี้ โดยกำหนดรับซื้อไว้ระยะแรก 10ปี (ปี 62-71) รวม 1,000 เมกะวัตต์ ด้วยการทยอยรับซื้อปีละ 100 เมกะวัตต์นำร่องในปี 2562 เป็นปีแรก โดยแบ่งพื้นที่การรับซื้อผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) 70 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 30 เมกะวัตต์ และผู้มีสิทธิยื่น คือ ต้องเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ 1 บ้านที่อยู่อาศัยเท่านั้น

ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อไปว่า ความน่าสนใจของโครงการดังกล่าวอยู่ที่เป็นครั้งแรกที่รัฐรับซื้อไฟที่เหลือจากการใช้เข้าระบบด้วยราคา 1.68 บาทต่อหน่วย กำหนดเวลารับซื้อ 10 ปี ซึ่งทำให้การติดตั้งโซลาร์บนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) เกิดความคุ้มทุนได้เร็วขึ้น และผลจากนโยบายดังกล่าวทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโซลาร์รูฟท็อปเริ่มเป็นกระแสที่มาแรง โดยล่าสุดมีการทยอยการเข้ามายื่นลงทะเบียนขอสิทธิ์ขายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางเสนาจะเป็นผู้ยื่นสิทธิ์ให้กับลูกบ้าน 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเสนา พาร์ค แกรนด์ รามอินทรา, โครงการเสนา พาร์ค วิลล์ รามอินทรา-วงแหวน, โครงการเสนาวิลล์ บรมราชชนนี สาย 5, โครงการเสนาแกรนด์ โฮม รังสิต ติวานนท์, โครงการเสนาช้อปเฮ้าส์ พหลโยธิน คูคต และโครงการเสนาช้อปเฮ้าส์บางแคเฟส 1 และเฟส 2 โดยจะยื่นเข้าโครงการโซลาร์ภาคประชาชนปีนี้ด้วยจำนวนรายสูงสุด 164 ราย คิดเป็นจำนวน 394.40 กิโลวัตต์

"เราเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เจ้าแรกที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) ทุกหลังทุกโครงการยกเว้นบ้านที่มีราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2559 และยังเป็นการบริการแบบครบวงจรผ่านการดำเนินงานติดตั้งโดยบริษัท เสนา โซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ที่เสนาถือหุ้น 100% ซึ่งหากมองกระแสของคนที่รักสิ่งแวดล้อมแล้วนับว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ตอนนี้เราก้าวข้ามคำถามที่ว่า โซลาร์รูฟท็อปมันดีหรือไม่ดีแน่ เพราะดีอยู่แล้วและกำลังเป็นเรื่องปกติของทุกบ้านใหม่ต้องมีเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของบ้านที่จำเป็น ไม่ต่างจากเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ ซึ่งปัจจุบันเสนาติดตั้งให้กับบ้านในโครงการรวม 400 หลังคิดเป็นปริมาณ 1,000 กิโลวัตต์" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว

รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เสนา กล่าวอีกว่า จากการเก็บข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ถึงกลุ่มเป้าหมายที่จะติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปมี 3 กลุ่มได้แก่ 1. ครอบครัวใหญ่ที่มีทั้งคนทำงานนอกบ้าน คนสูงวัย เด็ก ซึ่งกลุ่มนี้จะมีผู้ที่อาศัยอยู่บ้านในช่วงกลางวันซึ่งสอดรับกับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่จะผลิตไฟฟ้าได้ในช่วงกลางวัน 2. กลุ่มคนทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ที่ทำงานในบ้านซึ่งก็จะอยู่บ้านในช่วงกลางวัน

และ 3. บ้านที่มีคนทำงานประจำ ช่วงกลางวันจะไม่อยู่บ้านและจะอยู่เฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้น กลุ่มที่มีความคุ้มค่าในการใช้โซลาร์จะเป็นกลุ่มที่ 1 และ 2 ทำให้ตอบโจทย์ของการติดตั้งแผงโซลาร์ที่สามารถผลิตไฟฟ้าใช้แล้วคุ้มค่าเพราะแสงอาทิตย์มีช่วงกลางวันทำให้เกิดการประหยัดค่าไฟ ส่วนกลุ่มที่ 3 จะเป็นกลุ่มที่คุ้มค่าในการขายไฟฟ้าให้กับรัฐเนื่องจากกลุ่มนี้ไม่ได้ใช้ไฟช่วงกลางวัน (วันธรรมดา) แต่เมื่อมีโซลาร์ภาคประชาชนที่รับซื้อไฟส่วนเกินเข้าระบบกลุ่มนี้จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม หากผู้สนใจจะติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปแล้วเน้นเพื่อขายไฟฟ้าให้กับภาครัฐเพื่อรับเงินค่าไฟ 1.68 บาทต่อหน่วยก็บอกเลยว่าไม่คุ้มทุนกับการติดตั้ง เนื่องจากราคาค่าไฟดังกล่าวไม่ได้สูง ซึ่งปกติเฉลี่ยแต่ละครัวเรือนจะติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปขนาด 2-3 กิโลวัตต์ ค่าติดตั้งประมาณกิโลวัตต์ละ 5 หมื่นบาท โดยทางเสนาได้ชี้ให้เห็นว่าหากครัวเรือนที่ติดตั้งใช้เองและไม่ขายไฟเข้าระบบจะประหยัดเงินค่าไฟฟ้าได้ 1-3 แสนบาท ตลอดอายุแผงโซลาร์ (25 ปี) แต่กรณีติดตั้งเพื่อใช้เองและขายไฟฟ้าส่วนเกินเข้าระบบ ซึ่งรัฐซื้อในระยะ 10 ปีนั้นจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 1-3 หมื่นบาท ดังนั้นการติดตั้งเพื่อใช้เองจึงมีความคุ้มค่าสูงกว่า

กรณีดังกล่าว ดูเหมือนว่าหน่วยงานรัฐ ทั้งกระทรวงพลังงานและคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก็ได้ตอกย้ำถึงประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งสัญญาณเตือนไปยังภาคประชาชนว่าควรจะคิดให้รอบคอบก่อนที่จะติดตั้งเพราะหากติดตั้งการผลิตไว้จำนวนมากๆ แล้วไม่ได้ใช้ไฟกลางวัน การลงทุนแบบนี้เสี่ยงแน่นอน อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนเองยังคงคาดหวังว่าในอนาคตรัฐจะปรับอัตรารับซื้อไฟฟ้าให้สูงขึ้นเพื่อจูงใจหรือไม่ก็เพิ่มระยะเวลารับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินจากที่กำหนดไว้ 10 ปีเป็น 25 ปีตามอายุของแผงโซลาร์ฯ

โครงการโซลาร์ภาคประชาชนในปีนี้ ซึ่งถือเป็นปีแรกของการนำร่องที่หลายคนมองว่าคงจะไม่ถึงเป้าหมาย 100 เมกะวัตต์ ด้วยเหตุผลที่ชาวบ้านยังไม่รู้ถึงผลประโยชน์ ความคุ้มค่า และบ้านแต่ละหลังก็ติดตั้งขนาดเล็กๆ แต่ด้วยโครงการนี้มีระยะยาว 10 ปีที่จะทยอยรับซื้อปีละ 100 เมกะวัตต์ไปเรื่อยๆ ก็น่าจะทำให้ตลาดโซลาร์ฯ เกิดความคึกคักมากขึ้น เพราะในต่างประเทศโซลาร์เขามาแรงจริงๆ เพราะเห็นชัดแล้วว่าคุ้มค่าทั้งค่าใช้จ่ายแถมลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ