นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เพื่อร่วมจัดตั้งศูนย์ทดลองทดสอบ 5 จี ว่า กสทช.ต้องการเตรียมพร้อมประเทศไทยเข้าสู่ยุค 5 จี ในช่วงปลายปี 2563 กสทช.จึงเร่งทำการทดสอบการนำเทคโนโลยี 5 จี เพื่อใช้ในภาคการผลิต การบริการ ขนส่งสินค้า เกษตรกรรม ฯลฯ โดยคาดว่าในช่วง 2-3 เดือน ข้างหน้า จะเห็นผลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
“กสทช.ต้องการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ยุค 5 จี เพราะจะเป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของโลก หากไทยไม่ปรับตัว ไม่เตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้อาจตกขบวนและล่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียน ซึ่งขณะนี้เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ก็เตรียมทดสอบ 5 จีเช่นกัน ซึ่งหลังจากนี้แต่ละมหาวิทยาลัยจะไปจัดทำโครงการที่จะนำเทคโนโลยี 5 จี ไปใช้ในการทดสอบ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินงบประมาณราว 50 ล้านบาทต่อมหาวิทยาลัย โดยก่อนหน้านี้ได้อนุมัติวงเงินดังกล่าวให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปดำเนินการทดสอบก่อนหน้า”
ด้านนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ขณะนี้ กสทช.อยู่ระหว่างร่างกฎระเบียบสำหรับการ ทดลองทดสอบ 5 จี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการโทรคมนาคมในการขอใช้คลื่นความถี่ได้อย่างรวดเร็ว โดยคลื่นที่จะนำมาใช้ทดลองทดสอบครั้งนี้จะเป็นย่าน 26 กิกะเฮิรตซ์ กับ 28 กิกะเฮิรตซ์ คาดว่าภายใน 2 เดือนข้างหน้าจะดำเนินการแล้วเสร็จ และเปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นขอทดลองในพื้นที่ กสทช.กำหนดต่อไป
“การทดลองทดสอบในมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความเป็นไปได้ที่จะทดลองกับภาคเกษตรกรรม เป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ขณะที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะทดลองระบบความปลอดภัย การจัดเก็บข้อมูลยืนยันตัวตน ในพื้นที่ภาคใต้ เป็นการนำร่อง ส่วนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เบื้องต้น จะนำมาใช้ในการสื่อสารระหว่างโรงพยาบาลกับรถพยาบาล รวมถึงสื่อสารกับทีมแพทย์ แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับการเสนอโครงการของแต่ละมหาวิทยาลัยด้วย”.