นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์การส่งออกข้าวของไทยไปประเทศคู่เจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ของไทย 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ และจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี พบว่า นับตั้งแต่เอฟทีเอมีผลใช้บังคับ การส่งออกข้าวของไทยไปประเทศคู่ค้าเอฟทีเอขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด เช่น อาเซียนเพิ่มขึ้น 144% ออสเตรเลีย เพิ่ม 155% นิวซีแลนด์ เพิ่ม 135% เปรู เพิ่ม 464% และชิลี เพิ่ม 200% เพราะประเทศเหล่านี้ยกเลิกและทยอยลดการเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าข้าวจากไทยแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเทศที่เพิ่งเริ่มลดภาษี รวมถึงยังคงกำหนดโควตาและเก็บภาษีสูง เช่น จีนเพิ่งเริ่มลดภาษีข้าวบางรายการให้ไทยเมื่อปี 61 แต่ในรายการสำคัญ เช่น ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวขัดสี รวมถึงข้าวหอมมะลิ ยังคงอัตราภาษีที่ 50% ขณะที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย จัดให้ข้าวเป็นสินค้าอ่อนไหวและยังคงเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง โดยเกาหลีใต้เก็บภาษีนำเข้าข้าว 513% อินเดีย 70-80% และญี่ปุ่นยังใช้ระบบโควตาภาษี โดยการนำเข้าภายใต้โควตา 682,000 ตันต่อปี จะไม่เสียภาษี แต่หากนำเข้านอกโควตา ต้องเสียภาษี 341 เยนต่อกิโลกรัม
“เอฟทีเอถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างแต้มต่อให้กับข้าวไทยในตลาดโลก ซึ่งกรมจะเดินหน้าผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดเพิ่มเติมให้ไทยภายใต้การเจรจาเอฟทีเอกรอบต่างๆ ทั้งการทบทวนความตกลงที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน เช่น เอฟทีเอกับอาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย จีน และความตกลงที่อยู่ระหว่างการเจรจา เช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) และเอฟทีเอกับตุรกี ปากีสถาน และศรีลังกา เป็นต้น”
ทั้งนี้ ในปี 61 ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอินเดีย โดยไทยส่งออกข้าวได้ 11.09 ล้านตัน มูลค่า 5,619.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.34% เมื่อเทียบกับปี 60 คิดเป็นสัดส่วน 2.02% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย โดยมีตลาดส่งออกหลัก เช่น อาเซียน สัดส่วน 20.12% เบนิน สัดส่วน 11.19% จีนสัดส่วน 9.81% เป็นต้น ส่วนมูลค่าการส่งออกข้าวของไทยไปประเทศคู่เอฟทีเอ 17 ประเทศ รวม 1,870.4 ล้านเหรียญฯ คิดเป็น 33.29% ของการส่งออกข้าวของไทย.