
“พาณิชย์” แจ้งข่าวดี ผู้ประกอบการปุ๋ยเคมี–ปุ๋ยอินทรีย์ ลดราคาปุ๋ยข้าวและพืชอื่นๆ กระสอบละ 30-50 บาท พร้อมลดราคาแม่ปุ๋ยให้สหกรณ์การเกษตรผลิตปุ๋ยราคาถูกขายให้เกษตรกร มีผลจนถึงสิ้นเดือน พ.ค.นี้ ลั่นถ้าหากต้นทุนวัตถุดิบไม่เปลี่ยนแปลง จะขอให้ลดต่อถึงเดือน ส.ค.นี้
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานขอความร่วมมือผู้ประกอบการปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ ลดราคาจำหน่ายปุ๋ยสำเร็จรูปให้กับเกษตรกร ตามนโยบายที่ได้รับจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผลสำเร็จแล้ว โดยผู้ประกอบการได้ลดราคาลงกระสอบละ 30-50 บาท เริ่มมีผลแล้ว จนถึงเดือน พ.ค.นี้ หากสถานการณ์ราคาวัตถุดิบไม่เปลี่ยนแปลง กรมการค้าภายในจะขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ขยายระยะเวลาลดราคาออกไปอีก จนถึงเดือน มิ.ย.-ส.ค.นี้ เพราะเป็นช่วงที่เกษตรกรกำลังจะเริ่มทำนา
สำหรับปุ๋ยเคมีสำเร็จรูป (กระสอบละ 50 กก.) ที่มีการปรับลดครั้งนี้ ได้แก่ ปุ๋ยที่ใช้ในนาข้าว คือ ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ปรับลดราคากระสอบ (50 กก.) ละ 30 บาท, สูตร 16-20-0 และสูตร 16-8-8 ลดราคากระสอบละ 40 บาท และสูตร 16-16-8 ลดราคากระสอบละ 50 บาท รวมถึงปุ๋ยเคมีที่ใช้ในพืชชนิดอื่นๆ เช่น สูตร 15-15-15 ลดราคากระสอบละ 30 บาท และสมาคมธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยชีวภาพไทย ได้ลดราคาปุ๋ยอินทรีย์ให้กระสอบละ 50 บาท โดยราคาจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ (ราคารวมค่าขนส่งทั่วประเทศ) อยู่ที่กระสอบละ 250 บาท โดยจะนำมาลดราคารวม 150,000 ตัน
ขณะที่การจัดหาแม่ปุ๋ยเคมีราคาถูก มีผู้ประกอบการ 6 ราย พร้อมให้ความร่วมมือจำหน่ายแม่ปุ๋ยเคมีราคาถูก เพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการจัดทำปุ๋ยสั่งตัด ให้กับกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ดำเนินการจัดให้สหกรณ์การเกษตร 47 แห่ง พบกับผู้ประกอบการโดยตรง และสหกรณ์การเกษตรสนใจในการซื้อขายตามราคาที่กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือไว้กับผู้ประกอบการขณะที่การแก้ไขปัญหาราคาผลปาล์มสดตกต่ำ กระทรวงอุตสาหกรรมจะออกประกาศกำหนดให้โรงสกัดต้องผลิตน้ำมันปาล์มให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันไม่ต่ำกว่า 18% เพื่อช่วยให้โรงสกัดต้องรับซื้อผลปาล์มสดที่เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรต้องตัดปาล์มสุกไปขายที่จะได้ราคาดีกว่าการขายปาล์มอ่อนที่ไม่ได้คุณภาพ
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้โรงสกัดที่ขายน้ำมัน ปาล์มดิบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำไปผลิตไฟฟ้ารวม 160,000 ตัน ต้องส่งมอบหลักฐานการซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรภายใน 60 วัน หรือ 75 วัน เพื่อเป็นการเร่งให้โรงสกัดต้องรับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกร ซึ่งจะมีผลทำให้สามารถดึงผลผลิตออกจากตลาด ส่วนมาตรการอื่นๆ จะเร่งการนำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตเป็นไบโอดีเซลบี 20, กระตุ้นให้มีการใช้ด้วยการลดราคา 5 บาทต่อลิตร จนถึงเดือน พ.ค.62, เพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมันบี 20 และกระตุ้นให้ใช้น้ำมันบี 100 กับเครื่องจักรกลการเกษตร ขณะที่รัฐบาลได้ลดภาษีสรรพสามิตรถกระบะที่ผลิตใหม่ เพื่อจูงใจให้ผลิตรถที่ใช้น้ำมันบี 20 เพิ่มขึ้น
น.ส.ชุติมา กล่าวว่า ก่อนที่รัฐบาลนี้จะหมดวาระ หลังจากการมีรัฐบาลใหม่แล้ว กระทรวงมีงานเร่งด่วนต้องดำเนินการให้สำเร็จ โดยเฉพาะการดูแลปากท้องประชาชน การยกระดับราคาสินค้าเกษตรไม่ให้ตกต่ำ ล่าสุดได้พยายามแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน และจากมาตรการขายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. 160,000 ตัน ส่งผลให้ราคาผลปาล์มสดปรับขึ้นมาอยู่ที่ กก.ละ 2.60 บาท จากก่อนหน้านี้ 2.40 บาท คาดว่า จะปรับตัวดีขึ้นในเร็วๆนี้ หลังจากการดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินออกจากระบบเพื่อไปผลิตไฟฟ้า และผลิตน้ำมันบี 20 และบี 100 ขณะที่ราคามะพร้าว ได้ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ล่าสุดมะพร้าวผลอยู่ที่
ลูกละ 8 บาท จาก 5 บาท และน่าจะขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตมะพร้าวจะทยอยสนับสนุนให้ผู้ใช้มะพร้าวเริ่มตั้งโต๊ะรับซื้อมะพร้าวแห้งจากเกษตรกรแล้ว.