นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายเชง หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเทคโนโลยี แอนท์ ไฟแนนเชียล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลว่า การหารือครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ประเทศไทยช่วยสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยว โดยต้องการให้ประเทศไทยพัฒนาระบบไอทีให้มากขึ้น เพื่อลดปริมาณความแออัดตรงบริเวณตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่สนามบินของไทย และเรื่องการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) นักท่องเที่ยว หรือ VAT REFUND FOR TOURISTS ของกรมสรรพากรให้มีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทแอนท์ ไฟแนนเซียล มีความเชี่ยวชาญด้านระบบออนไลน์ และการชำระเงินในประเทศจีนอยู่แล้วก็คือ อาลีเพย์ (Alipay) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการชำระเงินแก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากอาลีบาบา “ผู้บริหารของบริษัทแอนท์ ไฟแนนซ์ ได้มาพบผมและต้องการให้เราช่วยเหลือลูกค้าคนจีนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย แต่มีปัญหาความล่าช้าที่ด่าน ตม. และการคืนแวต ซึ่งผมก็รับจะไปหารือกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และรับจะไปหารือกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เรื่องการคืนภาษีแวตนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่น่ามีปัญหา หากมีระบบไอทีที่ดีมาช่วยเราก็พร้อมให้ความร่วมมือ”
นอกจากนี้ ในช่วงของการหารือตนเสนอว่า อยากให้บริษัท แอนท์ ไฟแนนเซียลฯ ซึ่งมีฐานลูกค้าคนจีนอยู่แล้วราว 700 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าคนจีนที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยด้วยตนเองราว 7 ล้านคน จึงขอให้ทางบริษัท แอนท์ ไฟแนนซ์ฯ ช่วยเพิ่มลูกค้าคนจีนที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยอีก 2 ล้านคน รวมเป็น 9 ล้านคน ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 41 ล้านคนนั้น มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
“นักท่องเที่ยวที่เป็นคนรุ่นใหม่ของจีนถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ไทยต้องการ เพราะคนกลุ่มนี้เดินทางด้วยตนเองไม่ได้ใช้บริษัททัวร์ และยังชอบท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆที่แปลกใหม่ ตรงกับนโยบายรัฐบาลในเรื่องท่องเที่ยวเมืองรอง ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาพักโรงแรมและกินอาหารที่คนไทยเป็นเจ้าของแล้ว ผลประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่คนไทย ซึ่งประเด็นนี้จะลดแรงต่อต้านทัวร์จีนที่นอนโรงแรมจีน และใช้จ่ายเงินหยวนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย.