ครม.ไฟเขียวให้เวชภัณฑ์-บริการรักษาพยาบาลเป็นสินค้าควบคุม โยนลูกคณะอนุกรรมการฯ ที่มาจากทุกฝ่ายร่วมกันลงรายละเอียดก่อนเสนอ กกร.ออกประกาศใช้ ด้าน “บิ๊กตู่” เตือนโรงพยาบาลเอกชนอย่าเพิ่งวิตกหรือเคลื่อนไหวหรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง ขณะที่ “สนธิรัตน์” ยันไม่ใช่การกำหนดราคาขั้นสูงสุด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ครม.เห็นชอบให้เวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรคและบริการรักษาพยาบาล เป็นรายการสินค้าและบริการควบคุมใหม่ปี 2562 ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่กำหนดให้ต้องปรับปรุงรายการสินค้าและบริการควบคุมทุก 2 ปี ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้กำกับดูแลการดำเนินการของโรงพยาบาลเอกชนในระดับหนึ่งแล้ว ตามหน้าที่ที่ต้องดูแลทั้งผู้ให้และผู้รับบริการทางการแพทย์ ขณะที่มีโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว จึงต้องพิจารณาถึงความแตกต่างตรงนี้ด้วย ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลทำตอนนี้ คือมอบหมายให้ไปกำหนดมาตรการที่เหมาะสมออกมา ต้องดูกฎหมายหลายฉบับ และไม่ใช่จะไปควบคุมราคาได้ทั้งหมด แต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม จึงขอทุกฝ่ายอย่าเพิ่งวิตกหรือตื่นเต้นเรื่องนี้ และอย่าเคลื่อนไหวหรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง
“ปัจจุบันไทยมี พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ซึ่งควบคุมดูแลสถานบริการทางการแพทย์ และกำหนดให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ต้องมีป้ายแจ้งจุดที่ผู้ป่วยสามารถตรวจสอบสิทธิของผู้ป่วย หรืออัตราค่าบริการทางการแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ ขณะที่ผู้ให้บริการต้องแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าบริการทางการแพทย์ให้ผู้ป่วยได้รับทราบ เพื่อใช้ตัดสินใจก่อนรับการรักษา จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยทำตามที่กฎหมายกำหนด ถ้าใครพบว่ามีโรงพยาบาลแห่งใดที่ไม่ติดป้าย สามารถร้องเรียนมาได้ หรือหากใครเข้ารับบริการทางการแพทย์ แล้วรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ตามช่องทางรับเรื่องร้องเรียน ขอว่าอย่าเอาทุกอย่างไปขยายความอีก เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างโรงพยาบาลเอกชนกับผู้รับบริการ รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศในการเป็นผู้นำด้านสถานพยาบาล ซึ่งไม่เพียงแค่เรื่องมาตรฐานของการรักษาพยาบาลเท่านั้น แต่ต้องมีมาตรฐานและความโปร่งใสด้านค่าบริการด้วย”
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การกำหนดให้เวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรคและบริการรักษาพยาบาล เป็นรายการสินค้าและบริการควบคุมนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะควบคุมราคาขั้นสูงสุดในการรักษาพยาบาล เพราะค่ารักษาพยาบาล เป็นบริการที่มีความเฉพาะเจาะจงและมีราคาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นของสถานพยาบาล ที่ประกอบไปด้วยตัวแทนจากทุกฝ่ายมาร่วมกันกำหนดมาตรการ ที่จะสร้างให้เกิดความเป็นธรรมทั้งกับเอกชนและประชาชน รวมทั้งมีความโปร่งใส “ผมไม่อยากให้ตระหนกตกใจว่ารัฐจะเข้าไปควบคุมค่าบริการทางการแพทย์ขั้นสูงสุด ซึ่งในอดีตสินค้าและบริการควบคุมราคาขั้นสูงสุดมีตัวเดียวคือ น้ำตาลทราย สินค้าอื่นจะใช้มาตรการที่เหมาะสม เช่น การแจ้งต้นทุน ราคาแนะนำ เรื่องนี้รัฐไม่ได้แทรกแซง เพราะหลังคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ค่ารักษาพยาบาลฯ หารือกันและได้ข้อยุติที่เหมาะสมแล้ว จะเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ประกาศเป็นมาตรการที่ชัดเจนออกมา”
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมในปี 62 จำนวน 52 รายการ แยกเป็น 46 สินค้า และ 6 บริการ ตามมติ กกร. โดยได้เพิ่มรายการสินค้าและบริการควบคุม 2 รายการ จากประกาศครั้งที่ผ่านมาได้แก่ 1.เวชภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาโรค หมวดยารักษาโรคและเวชภัณฑ์ เพื่อให้มีการกำกับดูแลให้ครอบคลุมถึงเวชภัณฑ์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล เช่น ผ้าพันแผล สายน้ำเกลือ เข็มฉีดยา 2.บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาลเกี่ยวกับการรักษาโรค เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ได้รับเรื่องร้องเรียนจากภาคประชาชนเกี่ยวกับปัญหาค่ายาและค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลสูงเกินจริง
อย่างไรก็ตาม ครม.ให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ค่ารักษาพยาบาลฯ ประกอบด้วย ตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กรมบัญชีกลาง สมาคมโรงพยาบาลเอกชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ เพื่อพิจารณาความพร้อมก่อนกำหนดมาตรการที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้ยกเลิกรายการสินค้าควบคุม 4 รายการ ได้แก่ เยื่อกระดาษ, แบตเตอรี่รถยนต์, เม็ดพลาสติกและน้ำตาลทราย.