
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เปิดเวทีรับฟังความเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ต่อร่างประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการเรียกคืนคลื่นความถี่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า หรือนำมาใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยมีคลื่นความถี่เพียงพอสำหรับการเป็นพื้นฐานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยที่ประชุมมีความคิดเห็นหลากหลาย ซึ่ง กสทช.จะเปิดรับฟังความคิดเห็นทางออนไลน์ หรือยื่นเอกสารได้ที่ กสทช.ไปจนถึงสิ้นเดือน ต.ค. และจะรวบรวมเสนอให้บอร์ด กสทช.พิจารณาอีกครั้ง เพื่อให้มีผลบังคับใช้ในปีหน้า
นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า หน้าที่ กสทช.คือต้องจัดสรรคลื่นให้เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายอย่างสมดุล โดยการประเมินมูลค่าการเรียกคืนคลื่นนั้น กสทช.จะจัดจ้างมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐ 3 แห่ง เป็นผู้ประเมินเพื่อความเป็นกลาง และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อเตรียมความพร้อมนำประเทศไทยสู่ยุค 5 จี ในปี 2563
“ปัจจุบันคลื่นส่วนใหญ่ อยู่ในมือของหน่วยงานรัฐ ซึ่งหลักการเรียกคืนนั้น ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะประโยชน์สังคม ที่บางครั้งประเมินค่าไม่ได้ ส่วนเม็ดเงินที่จะนำมาชดเชยเยียวยานั้นมาจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อ ประโยชน์สาธารณะ (กทปส.)”
ด้านนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)กล่าวว่าอสมทจะคืนคลื่น 2600 เมกะเฮิรตซ์ หรือไม่ต้องรอหลักเกณฑ์เรียกคืนคลื่นที่ กสทช.จะออกก่อน ซึ่งการจะคืนได้หรือไม่ ต้องรอเสนอให้บอร์ด อสมท พิจารณา เพราะคลื่นความถี่ ถือเป็นทรัพย์สิน และ อสมท เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องแจ้งการดำเนินการต่างๆ ให้ผู้ถือหุ้นทราบด้วย.