
แอร์บัส ประกาศ สายการบินเจ็ทบลู เป็นลูกค้ารายแรกของเครื่องบินโดยสารรุ่นใหม่ เอ220 โดยได้สั่งซื้อ เอ220-300 จำนวน 60 ลำ และเปลี่ยนออเดอร์ซื้อ เอ320นีโอทั้ง 25 ลำไปเป็น เอ321นีโอ...
แอร์บัส ประกาศว่า สายการบินเจ็ตบลู (JetBlue) เป็นลูกค้ารายแรกของเครื่องบินโดยสารรุ่นใหม่ เอ220 ที่เพิ่งมีการรีแบรนด์ โดยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เพื่อยืนยันคำสั่งซื้อ เอ220-300 (Airbus A220-300) เครื่องบินรุ่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจำนวนทั้งสิ้น 60 ลำ และมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อเครื่องบิน เอ320นีโอ (A320Neo) จำนวน 25 ลำ ไปเป็น เอ321นีโอ (A321Neo) ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่กว่า โดยเครื่องบิน เอ321นีโอ และ เอ220 ของสายการบินเจ็ตบลูจะติดตั้งเครื่องยนต์รุ่น GTF ของแพรทท์ แอนด์ วิทนีย์
การที่สายการเจ็ตบลูเลือกเครื่องบินรุ่น เอ220 มาเพิ่มในฝูงบินของเครื่องบินตระกูล เอ320 นั้นถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการส่งเสริมการเติบโตของฝูงบิน โดยเครื่องบินสองรุ่นนี้ทำงานร่วมกันได้อย่างดี เพื่อช่วยให้เครือข่ายเส้นทางบินของสายการบิน มีความยืดหยุ่น และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้โดยสารได้ โดยสายการบินเจ็ตบลูจะยกระดับประสิทธิภาพของทั้ง เอ321นีโอ และ เอ220-300 รวมทั้งยังใช้ประโยชน์จากห้องโดยสารที่มีขนาดกว้างขวาง และสะดวกสบายกว่าในเครื่องบินประเภทเดียวกัน
นายโรบิน เฮย์ส ประธานกรรมการสายการบินเจ็ตบลู กล่าวว่า เจ็ตบลูได้พัฒนาฝูงบินเพื่ออนาคตของสายการบินเจ็ตบลู รวมถึงเครื่องบินรุ่น เอ220-300 สามารถสร้างความยืดหยุ่นและช่วยสนับสนุนจุดประสงค์ทางการเงินและการปฏิบัติการของบริษัทได้อย่างดี เนื่องจากเจ็ตบลูก้าวเข้าสู่ปีที่ 20 การที่ เอ220 มารวมกันกับฝูงบิน เอ321 ของเรา และ เอ320 ที่ได้รับการตกแต่งใหม่นี้ จะช่วยให้เรานำเสนอประสบการณ์บนเครื่องที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า และทำให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว เพื่อให้สามารถเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต
การเพิ่มเครื่องบินรุ่น เอ220-100 และ เอ220-300 เข้ามาในเครื่องบินตระกูล เอ320 นั้น จะช่วยครอบคลุมเรื่องการบรรทุกผู้โดยสารระหว่าง 100 ถึง 150 ที่นั่ง และมอบความสะดวกสบายด้วยการจัดแถวที่นั่งแบบ 5 ที่นั่งต่อแถว ด้วยการออกแบบทางอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) พร้อมเครื่องยนต์แบบ high-bypass ที่มีประสิทธิภาพด้านการใช้เชื้อเพลิงที่ดีกว่า และใช้ระบบควบคุมการบินด้วยสายไฟ (Fly-By-Wire หรือ FBW) จึงทำให้ เอ220 มีอัตราการเผาไหม้เครื่องยนต์ต่ำถึงร้อยละ 20 ต่อหนึ่งที่นั่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ โดยในอนาคตเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กรุ่นนี้จะถูกนำออกให้บริการแก่ผู้โดยสารทั่วโลก คาดว่าจะมีการนำเครื่องรุ่นนี้มาใช้งานมากถึง 6,000 ลำภายในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า แอร์บัสเป็นบริษัทผู้ผลิต จำหน่ายและสนับสนุนเครื่องบิน เอ220 ภายใต้ข้อตกลงของ C Series Aircraft Limited Partnership (CSALP)
นายฟิลิปป์ บาลดุชชี่ ประธานกรรมการบริษัท CSALP กล่าวว่า ข้อตกลง CSALP ระหว่างแอร์บัส บอมบาร์เดียร์ (Bombardier) และอินเวสต์เม้นท์ ควิเบค (Investment Quebec) ทำขึ้นเพื่อนำเครื่องบินที่ดีที่สุดในรุ่นที่มีขนาด 100 ไปจนถึง 150 ที่นั่งเข้าสู่ตลาด และการที่เจ็ทบลูเลือกใช้เครื่องรุ่น เอ220-300 แสดงให้เห็นว่าทีมของเรากำลังสร้างผู้ชนะ เราหวังว่าเครื่องบิน เอ220 จะสามารถให้บริการที่น่าพึงพอใจแก่สายการบินเจ็ตบลู และลูกค้าได้ไปอีกนานหลายปี
เครื่องบิน เอ321นีโอ เป็นเครื่องรุ่นที่ใหญ่ที่สุดของเครื่องบินตระกูล เอ321นีโอ ซึ่งเป็นเครื่องบินทางเดินเดี่ยวรุ่นที่ขายดีที่สุด โดยมียอดคำสั่งซื้อเกือบ 6,100 ลำ จากลูกค้ากว่า 100 ราย เครื่องบินรุ่นนี้เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด รวมทั้งเครื่องยนต์รุ่นใหม่ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ปลายปีก หรือ ชาร์คเล็ท ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึงร้อยละ 15 ตั้งแต่วันแรกที่ใช้ และร้อยละ 20 ภายในปี 2563 นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมห้องโดยสารใหม่ล่าสุดอีกด้วย เครื่องบินตระกูล เอ320นีโอ ยังนำเสนอประสิทธิภาพที่ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างมาก ด้วยการลดเสียงรบกวนได้ราวร้อยละ 50 เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องบินรุ่นก่อนๆ.