นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ การช่วยเหลือเอสเอ็มอีผ่านกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี และการให้คำปรึกษาผ่านศูนย์ช่วยเหลือเอสเอ็มอีมีความคืบหน้าไปมาก โดยกระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบกองทุนเอสเอ็มอีคนตัวเล็กวงเงิน 8,000 ล้านบาท โดยเริ่มปล่อยกู้ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา และขณะนี้มีคำขอเข้ามาแล้ว 2,399 ราย วงเงิน 11,165 ล้านบาท อยู่ระหว่างวิเคราะห์ 173 ราย วงเงิน 167.8 ล้านบาท อนุมัติแล้ว 15 ราย วงเงิน 13.4 ล้านบาท “วัตถุประสงค์ในการขอกู้ของ เอสเอ็มอีส่วนใหญ่ระบุว่าต้องการนำเงินไปใช้ลงทุน ขยายปรับปรุงพัฒนากิจการให้มีประสิทธิภาพและขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น รวมถึงลงทุนเริ่มต้นธุรกิจ สร้างธุรกิจใหม่ หรือใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ กำหนดวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 3 ปี ดอกเบี้ย 1% ต่อปีตลอดอายุสัญญา ส่วนกรณีผู้กู้เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้จะให้วงเงินสูงสุดกู้ไม่เกิน 200,000 บาท หากมีการชำระหนี้เป็นปกติไม่น้อยกว่า 3 งวด หรือตามเงื่อนไขที่ ธนาคารกำหนด แต่ไม่น้อยกว่า 3 เดือนให้สามารถขอวงเงินเพิ่มได้ตามความเหมาะสม และความสามารถในการชำระหนี้”
อย่างไรก็ตาม หากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) อนุมัติและทำสัญญาหมดแล้ว พบว่าคุณภาพของผู้กู้และสัดส่วนหนี้เสียอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ก็มีโอกาสที่รัฐบาลจะขยายวงเงินกู้เพื่อช่วยเอสเอ็มอี.