นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาสุกรตกต่ำ โดยสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มราคาขายอยู่ที่ 52-55 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) น้อยกว่าต้นทุนการผลิต เนื่องจากผลผลิตสุกรในประเทศมีจำนวนมากเกินความต้องการตลาด ขณะที่การส่งออกไปตลาดต่างประเทศก็ลดลง ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร โดยเฉพาะเกษตรกรรายเล็กและรายย่อยเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น กรมปศุสัตว์จึงขอความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตสุกรรายใหญ่ เช่น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ และบริษัทค้าปลีกชั้นนำ เช่น แม็คโคร นำเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผู้เลี้ยงรายย่อยเข้ามาจำหน่ายในร้านค้า ทั้งในรูปแบบห้างสรรพสินค้า ร้านจำหน่ายและตู้แช่ในระดับชุมชน โดยสินค้าที่จะนำเข้ามาจำหน่าย ต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาได้
นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ยังได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงการแก้ปัญหาราคาสุกรตกต่ำ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (พิกบอร์ด) ซึ่งในที่ประชุมมีมติแก้ปัญหาราคาสุกรตกต่ำ 3 มาตรการ คือ 1.ให้นำลูกสุกรไปผลิตเป็นหมูหัน จำนวน 100,000 ตัว 2.เพิ่มการปลดระวางแม่พันธุ์สุกร 100,000 ตัว โดยปลดระวางแม่พันธุ์สุกรในระบบปกติ 300,000 ตัว และ 3.นำสุกรขุนมาชำแหละและเก็บเข้าห้องเย็น 100,000 ตัว อย่างไรก็ตาม ได้นำร่องลูกสุกรไปผลิตเป็นสุกรหันแล้ว 10,000 ตัว ซึ่งกรมปศุสัตว์จะต้องเร่งหาตลาดมารองรับ.