นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังสำรวจร้านขายของชำของไทยในตลาดฮ่องกงพบว่า ขยายตัวเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีมากกว่า 70 แห่ง แยกเป็นร้านค้า 40 แห่ง แผงลอย 30 แห่ง และต่อปีนำเข้าสินค้าจากไทยมากกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งหากมีการส่งเสริมและผลักดันเต็มกำลัง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยไปฮ่องกงเพิ่มขึ้น
สำหรับสินค้าที่จำหน่ายในร้านขายของชำ หรือแผงลอย ส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มอาหาร เช่น เครื่องแกง กะทิ น้ำพริก ซอสปรุงรส ของใช้ประจำวัน เป็นต้น โดยมีแหล่งนำเข้า 3 ช่องทาง คือ 1.ตลาดขายส่ง/ยี่ปั๊วแถวท่าเตียน มหานาค เยาวราช สำเพ็ง ปากคลองตลาด 2.ผู้นำเข้าฮ่องกง และ 3.ห้างแม็คโครและซุปเปอร์มาร์เกตในไทย “ปัญหาของร้านขายของชำไทยในฮ่องกง คือ ไม่สามารถนำเข้าจากผู้นำเข้ารายใหญ่ได้ ต้องซื้อจากยี่ปั๊วหรือซุปเปอร์มาร์เกตในไทยเพื่อส่งออก และต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้มีต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น และหลายร้านขาดข้อมูลสินค้าใหม่ รวมถึงมีการแข่งขันจากคนไทยด้วยกัน โดยเฉพาะพวกหิ้วสินค้าเข้ามาขายรายวัน โดยไม่ต้องเช่าหน้าร้าน กรมฯมองว่า หากสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ จะทำให้ร้านขายของชำของไทยในฮ่องกงเติบโตได้ดีขึ้น และส่งผลให้การส่งออกสินค้าไทยไปฮ่องกงเพิ่มขึ้นด้วย”
นางจันทิรา กล่าวถึงแนวทางการส่งเสริมให้ร้านขายของชำของไทยในฮ่องกงมีความเข้มแข็งเพิ่มขึ้นว่า ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ไทยที่ฮ่องกงช่วยสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการไทย โดยอาจรวมตัวกันเป็นกลุ่ม หรือตั้งเป็นสมาคม เพื่อส่งเสริม ช่วยเหลือ และเป็นแหล่งข้อมูลการค้า รวมถึงรวมตัวกัน เพื่อรวบรวมและสั่งซื้อสินค้า ซึ่งจะเพิ่มอำนาจต่อรองกับผู้ผลิตในไทย เพื่อให้สินค้ามีมาตรฐานเดียวกัน และช่วยลดปัญหาการร้องเรียนด้านมาตรฐานด้วย “กรมฯจะ
ผลักดันให้นำเข้าสินค้าไทยผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยสนับสนุนให้สร้างเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น หรือขยายช่องทางการค้าจากเว็บไซต์ thaitrade.com เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการตระเวนซื้อสินค้า”.