สุวิสุทธิ์ โลหิตนาวี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท กราน-มอนเต้ จำกัด (GranMonte) และเลขาสมาคมผู้ประกอบการไวน์ไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 นี้ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงไวน์ที่ทำธุรกิจอยู่ มีผู้บริโภคน้อยลงระดับหนึ่ง โดยสะท้อนจากปริมาณการดื่มและการท่องเที่ยวที่ลดลง สะท้อนถึงผลประกอบการของบริษัท อย่างกรณีธุรกิจไวน์และไร่องุ่นกราน-มอนเต้ ก็ประสบกับสถานการณ์นี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ทุกรายต่างก็คาดหวังว่าสถานการณ์ช่วงปลายปี ไฮซีซั่น ที่จะเป็นโอกาสการทำธุรกิจได้มากที่สุด และคาดว่า สิ้นปีนี้อย่างน้อยจะมีตัวเลขรายได้เทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา และคาดว่าการบริโภคแอลกอฮอล์ในประเทศจะกระเตื้องขึ้นจากที่เงียบๆ มาทั้งปี เนื่องจากสังเกตว่าปลายปีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น แม้ว่ามูลค่าการบริโภคของนักท่องเที่ยวต่อหัวจะไม่ได้มากนัก แต่ก็น่าจะมาทดแทนด้วยจำนวนปริมาณหรือวอลุ่มของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นได้
แล้วในฐานะผู้ผลิตไวน์ มองว่า การลดภาษีไวน์องุ่นตามสูตรคูณของการคำนวณภาษีใหม่ของกรมสรรพสามิตนั้น เป็นประโยชน์กับไวน์ที่มีราคาสูงมากกว่าไวน์ราคาระดับกลางๆ หรือไวน์ที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่กลับทำให้ไวน์บางตัวภาษีขึ้นด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อมองภาพรวม สำหรับไวน์นำเข้าก็จะได้ลดภาษีนำเข้าและได้ลดภาษีสรรพสามิต ตามสูตรคำนวณที่ลดภาษีตามมูลค่า แม้ว่าตามปริมาณแอลกอฮอล์จะคงเดิมก็ตาม ซึ่งไวน์นำเข้าเหล่านั้นจะได้ประโยชน์จากสูตรคำนวณภาษีที่สรรพสามิตปรับใหม่นี้
สุวิสุทธิ์ ยังบอกว่า สำหรับประชาชนและผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างให้ความสำคัญกับสุขภาพของส่วนรวม เราเชื่อว่า การปลูกฝังวินัยการดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ และหน่วยงานรัฐที่ดูแลกฎหมายการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ เน้นเรื่องการศึกษาการดื่มอย่างเข้าใจ การดื่มอย่างมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพตัวเองและคนรอบข้าง ก็จะเป็นสิ่งที่พัฒนาอุตสาหกรรมนี้ไปด้วยกันได้
กวี สระกวี นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลุ่มอัลตร้าพรีเมี่ยมที่นักท่องเที่ยวมูลค่าสูงนิยม ยังเติบโตได้ดี ส่วนหนึ่งเพราะการท่องเที่ยวเด้งกลับมาแล้วหลังสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงคนไทยที่มีกำลังซื้อก็ยังมีการบริโภคแอลกอฮอล์ในมูลค่าที่สูงได้
ผลกระทบในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะไปอยู่ที่กลุ่มราคาต่ำที่ยอดขายไม่โตเท่าไร อย่างไรก็ตาม ในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย กลุ่มเครื่องดื่มเบียร์ยังเป็นเครื่องดื่มหลักในประเทศ ขณะที่การลดภาษีนำเข้าไวน์และภาษีสรรพสามิตกลุ่มเครื่องดื่มไวน์ ก็ทำให้ตลาดไวน์โตอยู่เรื่อยๆ
ในแง่การทำงานของสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย ยืนยันว่า เราต้องการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งผู้ผลิตผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และร้านอาหารต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการให้ประเทศเรามีการดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ อันนี้เป็นเป้าหมายที่ทุกคนเห็นตรงกัน และเรามาช่วยกันคิดช่วยกันทำว่า จะทำอย่างไรให้คนไทยดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ เพราะยังไงการดื่มสุราก็อยู่คู่คนไทยอีกนาน
“ผมไม่คิดว่า การปิดกั้น คือ คำตอบ การแบ่งแยกการดื่มสุราด้วยการบอกว่า เป็นสิ่งไม่ดีจะเป็นทางออก ดังนั้นจึงต้องหาสมดุลระหว่างวัฒนธรรมการดื่มอย่างรับผิดชอบ กับการรณรงค์ให้เลิกพฤติกรรมดื่มแล้วขับรถ ดื่มแล้วเมาจนจำอะไรไม่ได้” กวี กล่าว
พร้อมกับให้ความเห็นว่า สมาคมฯ ยินดีที่ตลาดสุราไทยมีการตื่นตัวเรื่องสุราชุมชน และไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่ง แต่มองว่าเป็นผู้เล่นในตลาดที่จะมาสร้างอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตและมีความหลากหลาย รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้มีมาตรฐานการผลิต มาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า เพื่อให้อุตสาหกรรมนี้โดยภาพรวมขยายตัวได้ตามมาตรฐานด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากข้อมูลกรมสรรพสามิต ปัจจุบันอัตราภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มสุราแช่ มีดังนี้
โดยในปีงบประมาณ 2567 (ก.ย.2566-ต.ค.2567) กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีจากเครื่องดื่มประเภทเบียร์ เป็นจำนวนเงิน 90,014 ล้านบาท เครื่องดื่มสุรา เป็นจำนวนเงิน 64,603 ล้านบาท
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney