โดยกิจกรรมใจฟู! เช็กอิน กิน เที่ยว ตามรอยลาบู ลาบู ลาบู้บู้บู้ ดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2567 ส่วนโปรแกรมโปรโมตคือ “5 Must Do in Thailand” ที่ ททท.ได้จัดในสถานที่ต่างๆ ไว้ อาทิ รับประทานอาหารซีฟู้ดสดใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ร้าน Horsamut Restaurant, นั่งรถตุ๊กๆ EV, เที่ยวชมความสวยงามบริเวณวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง
นวดไทยที่วัดโพธิ์, เดินเล่นแหล่งช็อปปิงยอดนิยมอย่างสยามดิสคัฟเวอรี่และสยามสแควร์ ซื้อของที่ระลึกผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนไทย, ตลาดน้อย ถนนบรรทัดทอง, ชมศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทยที่สนามมวยลุมพินี สนามมวยราชดำเนิน ซึ่งแฟนๆ สามารถตามรอยลาบูบู้ได้ตามลิสต์นี้ ถ้าโชคดีอาจจะได้เจอตัวเป็นๆ!
ซึ่งภายหลังการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์คลิปวิดีโอ ททท.เตรียมต่อยอดทางการตลาดด้วยการร่วมมือกับ Qunar.com ซึ่งเป็น Online Travel Agency (OTAs) ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแพ็กเกจให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในเส้นทางกรุงเทพมหานคร และพัทยา จังหวัดชลบุรี เช่นกัน
โดยมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน-1 กันยายน 2567 ซึ่งตรงกับช่วงฤดูร้อนของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมายังประเทศไทยมากขึ้น ทั้งนี้ ททท.คาดหวังว่าการบูรณาการความร่วมมือกับพันธมิตรในการดำเนินโครงการดังกล่าวจะสร้างการรับรู้ได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านคน-ครั้ง และสามารถเสนอขายแพ็กเกจเดินทางมาประเทศไทยได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 Pax
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีมาตรการกระตุ้นตลาดต่างประเทศ ด้วยการส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติมายังประเทศไทย สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่เตรียมอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราแก่ผู้ที่เดินทางจาก 93 ประเทศ/ดินแดน สามารถพำนักในประเทศไทยไม่เกิน 60 วัน ซึ่งรวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งเป็นเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ร่วมกับ POP MART ดึงกระแส Pop Culture มาใช้เป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาด โดยนำเสนอผ่านแนวคิด POPMART LABUBU X TAT IGNITE THAILAND ชูจุดเด่นในพื้นที่สู่จุดขายเส้นทางท่องเที่ยวตามรอยลาบูบู้ตามกลยุทธ์ “5 Must Do in Thailand” ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ Must Eat อาหารไทย Must See โชว์ไทย Must Seek วัฒนธรรมไทย MUST Buy ผ้าไทย
และ MUST Beat มวยไทย โดยให้ลาบูบู้เป็นเสมือนตัวแทนในการถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวอันน่าประทับใจ รวมถึงช่วยบอกต่อและเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการออกเดินทางท่องเที่ยว อีกทั้งในตอนนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา Art Toy ร่วมกันซึ่งคาดว่า Prototype จะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้
ขณะเดียวกันยังได้มีการซุ่มจับมือ “น้องหมีเนย” หรือ Butter Bear เพื่อทำแคมเปญ ร่วมกัน หวังเอาใจพี่สาวชาวเน็ต และพี่สาวชาวจีน โดยจะมีโปรเจกต์ออกมาให้ได้ลุ้นกันเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ทางด้านจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนประเทศไทย ตั้งแต่มกราคม-พฤษภาคม 2567 มีประมาณ 3.5 ล้านคน ซึ่งคาดว่าสิ้นปี 67 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะแตะ 8 ล้านคน ตามเป้าได้อย่างแน่นอน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 15 ล้านคน สร้างรายได้รวมกว่า 1.1 ล้านล้านบาท
โดยไทยยังต้องดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มอีก 21.7 ล้านคน และสร้างรายได้อีก 2.4 ล้านล้านบาท เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลได้กำหนดสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 36.7 ล้านคน
ติดตามข้อมูลด้านการตลาด กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney