
ความสำเร็จไม่ได้มาเพราะ “โชคช่วย” หากความ “ขยัน-ซื่อสัตย์-อดทน” และความดี ต่างหาก ที่ทำให้เธอได้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ความงาม 3 แบรนด์ดัง ที่มียอดขายรวมกันหลายร้อยล้านบาท และเธอตั้งเป้าทำยอดขายรวมทั้ง 3 แบรนด์ให้ทะลุ 1,000 ล้าน!! และมีเป้าหมายใหญ่นำธุรกิจเข้าตลาดหุ้นเป็นบริษัทมหาชน!!
จากอดีตนักมวยหญิง “ยอดเชอรี่ ศิษย์ยอดธง” ที่เติบโตมาจากการต่อยมวยหาเงินตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ปัจจุบันในวัย 26 เธอคือ “นักธุรกิจสาวสวย–เน็ตไอดอลขวัญใจคนรุ่นใหม่” ที่มีคนชื่นชมติดตามในโลกออนไลน์จำนวนมาก
อะไรคือแรงผลักดันที่ทำให้เธอมีวันนี้ “เชอรี่–อภิชญา นุชประไพ” เล่าว่าเธอโดนฝึกวินัยมาตั้งแต่เด็กต้องตื่นตี 5 เพื่อวิ่งออกกำลังและซ้อมมวยก่อนไปโรงเรียนและหลังเลิกเรียน ชีวิตที่วนเวียนอยู่แต่ในห้องเรียน-ค่ายมวยและเวทีมวยมาตั้งแต่ 6 ขวบ จนวัย 19 ได้ขึ้นชก “One championship” เวทีมวยอาชีพระดับประเทศ!!
แม้จะผูกพันและรักการต่อยมวย แต่เธอบอกว่า “อาชีพนักมวยมันทรมาน ต้องอดทน อยู่ในระเบียบวินัย เจ็บตัว ลำบาก ทรมานมากกว่าจะได้เงิน แต่ต่อยมวยยังไงก็ไม่รวยสักที” ดังนั้นเมื่ออายุ 15 เธอจึงหารายได้พิเศษโดยเป็นแม่ค้าออนไลน์ รับพรีออเดอร์ เป็นตัวแทนขายเครื่องสำอาง ครีมทาตัว ครีมหน้าขาวในออนไลน์ ยิ่งขายยิ่งสนุกแถมได้เงินดี ที่สำคัญเธอค้นพบว่า “ไม่ต้องเจ็บตัวต่อยมวยก็หาเงินได้”
หลังเป็นตัวแทนขายสินค้าคนอื่นอยู่ 2 ปี จึงคิดการใหญ่ สร้างแบรนด์ตัวเอง ตอนนั้นอยู่ ม. 5 ร่วมหุ้นกับเพื่อน ด้วยทุนตั้งต้นเพียง 5,000 บาท ทำสบู่ออกมาขาย ปรากฏว่าขายดิบขายดี จึงทยอยเพิ่มสินค้าออกมาอีกหลายตัว ซึ่งระหว่างนั้น เธอได้โควตานักกีฬาเข้ามาเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (รังสิต) ขณะที่เพื่อนก็เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยใกล้กัน กิจการเติบโตถึงขั้นตั้งบริษัทร่วมกัน ช่วยกันทำอยู่ราว 5 ปี ยอดขายแต่ละผลิตภัณฑ์ ขึ้นไปเกินหลักสิบล้านบาท ก่อนที่เธอจะแยกตัวออกมาเงียบๆ...ด้วยเหตุผลส่วนตัว!!
ตั้งหลักอยู่ไม่นาน เธอจึงเริ่มวางโมเดลธุรกิจใหม่ คราวนี้ทำ “การบ้าน” อย่างดี นำประสบการณ์และบทเรียนที่มีทั้งหมด รู้ว่าทำยังไง สินค้าถึงจะขายดี ภายใน 4–5 เดือนจากนั้น เธอก็ออกสินค้าตัวแรกสู่ตลาดคือ Sleeping Mask ภายใต้แบรนด์ Terry “เธอร์รี่” หลังเห็นว่า Sleeping Mask กำลังได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการ ขณะที่ยังไม่มีแบรนด์ไหนที่มีจุดขายโดดเด่น ปรากฏว่าได้การตอบรับอย่างดี ทำออกมาเท่าไรก็ขายหมด จากนั้นจึงออก ครีมกันแดด, เซรั่ม และ มอยส์เจอไรเซอร์วาง Terry เป็นแบรนด์ สกินแคร์ที่มีผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จากงานวิจัยและสารสกัดจากพืชพันธุ์ไทย ที่ได้รับการสนับสนุนงานวิจัย ส่วนใหญ่จากสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ถึงวันนี้ Skin care แบรนด์ Terry สินค้าติดตลาดมา 5 ปีแล้ว ยังคงขายดี มียอดขายเติบโตขึ้นทุกปี
“ทำการบ้านเยอะมาก ศึกษาจุดแข็งคู่แข่งทั้งหมด เพื่อนำมาเป็นจุดแข็งของแบรนด์เรา และมองจุดอ่อนของคู่แข่ง มาแก้ให้เป็นจุดแข็งของเรา ตอนนั้นกระแสครีมออนไลน์อันตรายเยอะมาก เราวาง positioning ของ Terry ให้แตกต่าง พรีเมียม ทันสมัยและมีความน่าเชื่อถือ ทั้งคุณภาพและแพ็กเกจจิ้งทำให้เหมือนเคาน์เตอร์แบรนด์ในราคาที่จับต้องได้”
แม้ Terry จะประสบความสำเร็จ แต่เธอยังเดินหน้าหาโอกาสต่อยอด ในปี 66 เธอก็ได้ออกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง Cosmetic ภายใต้แบรนด์ Gala Camille กาล่า กามิลเล่ ที่ครองใจวัยใส ด้วย แพ็กเกจจิ้งสีสันแฝงความสนุกสนานสไตล์วัยรุ่น สินค้าที่สร้างความฮือฮาคือลิปสติกแท่งเขียวที่มียอดขายกว่า 1 ล้านแท่ง และต่อมาออกลิปแท่งเทาในตำนานยอดขายทะลุไปกว่า 1.5 ล้านแท่ง ทำรายได้ปี 67 มากกว่า 200 ล้านบาท!! และยังคงได้รับความนิยมถึงปัจจุบัน
ขณะเดียวกันปี 67 เธอก็ออกสินค้าในกลุ่มอาหารเสริมที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม ในชื่อแบรนด์ Benutra “บีนูทร่า” เพียงปีแรกที่ออกขาย Benutra ทำยอดขายได้เกือบ 100 ล้านบาท!! และกำลังเติบโตอย่างมากในปี 68
ความลับสำคัญที่ทำให้เธอสร้าง 2 แบรนด์ใหม่ออกมาได้อย่างรวดเร็ว และเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด นอกจากความเก่งเฉพาะตัวแล้ว “ความดีและน่ารัก” ในตัวเธอ ได้ไปสะดุดตาผู้ใหญ่ใจดี “มาดามเมนี่” วาสนา อินทะแสง เจ้าของบริษัทโรงงานผลิตอาหารเสริมชื่อดังโดยบังเอิญ ในงาน Expo Cosmo Pop งานแสดงนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ความงาม เครื่องสำอางและอาหารเสริม หลังเธอแนะนำที่มาที่ไปของตัวเองแล้ว “มาดามเมนี่” ถามว่า “เชอรี่เธอเป็นคนดีมั้ย??” แม้จะแปลกใจกับคำถาม แต่เธอก็ตอบอย่างมั่นใจทันทีว่า “หนูเป็นคนดีค่ะ!!”
หลังจากนั้น ดีลธุรกิจจึงเกิดขึ้น เมื่อ “มาดามเมนี่” เข้ามาสนับสนุนเงิน ลงทุนให้เธอทั้งช่วยทำการตลาดและขยายแบรนด์ Gala Camille และออกผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Benutra ให้ทั้งหมด พร้อมให้แนวคิดสอนการทำธุรกิจที่ดีที่ถูกต้องและการใช้ชีวิตให้เธออย่างมากมาย!!
“เชอรี่” บอกกับเราว่า นอกจาก “ขยัน–ซื่อสัตย์–อดทน” ที่เธอยึดปฏิบัติมาตั้งแต่เด็กแล้ว เธอโชคดีที่สุดในชีวิตที่มีเพื่อนที่ดีและมีผู้ใหญ่ที่เมตตา ตอนเป็นนักมวย เธอเป็นลูกศิษย์ครูมวยชื่อดังครูตุ้ย “ยอดธง เสนานันท์” เจ้าของค่ายมวยที่ฝึกฝนเพลงมวยให้เธอด้วยความเมตตา
จนเมื่อเธอมาทำแบรนด์ของตัวเอง Terry เธอชวน “มุก” เพื่อนรักคนนึงมาร่วมธุรกิจด้วย โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนตั้งต้นและข้อชี้แนะในการทำธุรกิจมากมายจาก คุณชุติกา สุทธิกาญจนังกูร คุณน้าของ “มุก” ที่เธอยกให้เป็นแม่คนที่สอง และเมื่อเธอเริ่มทำแบรนด์ Gala Camille เธอก็พา “แนน” เพื่อนสนิทในวัยมัธยมมาร่วมตั้งต้นด้วย ซึ่งปัจจุบัน “มุก” คือซีอีโอแบรนด์ Terry ขณะที่ “แนน” คือ ซีอีโอแบรนด์ Gala Camille
“ความสำเร็จในวันนี้ไม่ง่ายเลย ต้องใช้ทั้งความพยายามและความอดทนรอคอย ทุกอย่างต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ในความลำบากทั้งหมดนี้ ร่ีโชคดีที่ในชีวิตที่รี่มีเพื่อนที่ดี มีผู้ใหญ่ที่เมตตาให้โอกาส รี่จะไม่สามารถเติบโต หรือประสบความสำเร็จได้เลย ถ้าไม่มีคนเหล่านี้ในชีวิตรี่จึงอยากส่งต่อโอกาสดีที่รี่ได้รับให้เพื่อนที่เก่ง–ดี–มีความสามารถ แต่ขาดโอกาส
ที่สำคัญรี่เชื่อเสมอว่า ทำธุรกิจต้องทำด้วยความจริงใจต่อทุกฝ่าย และทุกการเติบโตของธุรกิจจะต้องไม่ทำร้ายใคร”
และสุดท้ายต้องขอบคุณพ่อที่บังคับให้รี่ชกมวย จนสร้างรี่ให้เป็นเด็กที่เหนือมนุษย์คนอื่น!!
เลดี้แจน
คลิกอ่านคอลัมน์ “Business on my way” เพิ่มเติม