"หิรัญ ตันมิตร" ซีอีโอ "อีฟแอนด์บอย" จากร้านโชห่วยสู่ Beauty Stores หมื่นล้าน

Business & Marketing

Executive Interviews

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"หิรัญ ตันมิตร" ซีอีโอ "อีฟแอนด์บอย" จากร้านโชห่วยสู่ Beauty Stores หมื่นล้าน

Date Time: 26 ก.ค. 2568 05:00 น.

Summary

บอย-หิรัญ ตันมิตร ซีอีโอ EVEANDBOY จากทายาทร้านโชห่วย “สารคามซุปเปอร์มาร์เกต” ในจังหวัดมหาสารคาม สู่ Beauty Stores หมื่นล้าน

Latest

ไทยกำลังกลายเป็น“สวรรค์ของมิจฉาชีพ”?เมื่อระบบการเงินมีรอยรั่ว ก็เปิดประตูให้เงินสกปรกหลั่งไหล

จากทายาทร้านโชห่วย “สารคามซุปเปอร์มาร์เกต” ในจังหวัดมหาสารคาม ที่ซึมซับเรียนรู้การค้าขาย เพราะต้องช่วยพ่อแม่ทำทุกอย่างในร้านตั้งแต่เด็กยันโต ช่วยเช็กสต๊อก-ขายสินค้า-ดูกำไรต้นทุน-จนถึงคุยกับเซล ซัพพลายเออร์ พนักงานส่งของและรถขนส่งสินค้า

ทำให้ในปี 2548 “บอย...หิรัญ ตันมิตร” ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 22 ปี ตัดสินใจเปิดร้านขายเครื่องสำอาง ในตึกแถวเล็กๆติดกับร้านโชห่วยของครอบครัว โดยรวมผลิตภัณฑ์ความงามทุกประเภทและทุกแบรนด์ที่มี ใช้ชื่อร้าน “อีฟแอนด์บอย” มาจากชื่อตัวเองและพี่สาว ซึ่งน่าจะเป็น “เรื่องใหม่” ในขณะนั้น ที่มี Beauty Store ผลิตภัณฑ์ความงามหลากหลายแบรนด์มาขายรวมอยู่ในร้านเดียวกัน เพราะได้การตอบรับอย่างดี...!!

“เรารู้ว่าจะรับสินค้าแต่ละยี่ห้อจากไหน เพราะเรารู้จักซัพพลายเออร์ผู้ขายส่งให้ร้านโชห่วยอยู่แล้ว และเห็นว่า “ผลิตภัณฑ์ความงาม” มีมาร์จิ้นหรือกำไรต่อชิ้นมากกว่า สินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆในร้านมาก ขณะที่ใช้พื้นที่น้อยเพราะสินค้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและไม่เน่าเสียง่ายมี Shelf Life อายุการเก็บรักษาได้นาน

“คุณบอย” เล่าว่า หลังเปิดสาขาแรกที่มหาสารคาม ได้เรียนรู้ลองผิดลองถูกและสั่งสมประสบการณ์อยู่ 4 ปี ก่อนตัดสินใจก้าวออกไปเปิดสาขาที่ 2 ในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งปรากฏว่าขายดีมาก จึงเปิดสาขาที่ 3 ที่ขอนแก่นเพิ่ม...

จนเข้าปีที่ 7 ในปี 2555 เมื่อเขาได้เห็นโอกาสและช่องทางธุรกิจ จึงคิดการใหญ่ตัดสินใจมาเปิด “อีฟแอนด์บอย” ใจกลางสยามสแควร์ แหล่งรวมวัยรุ่นที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด ซึ่งการเปิดตัวของ “อีฟแอนด์บอย” ได้เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆให้เกิดขึ้นมากมายในวงการตลาดสินค้าความงามของไทย!

ด้วย “อีฟแอนด์บอย” ที่เป็น Beauty Store มัลติแบรนด์แห่งแรกในสยามสแควร์ รวบรวมเครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอมทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ รวมถึงแบรนด์ต่างๆที่โด่งดังและได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ เพราะในช่วงเวลานั้น โซเชียลมีเดียได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เครื่องสำอางและครีมออนไลน์กำลังเติบโต ขณะที่คนรุ่นใหม่หันมาสนใจดูแลบุคลิกภาพและความสวยความงามตัวเองมากขึ้น ทำให้ตลาดความงามขยายตัวขึ้นอย่างมาก

ดังนั้น ปรากฏการณ์ “สยามแตก” หรือการต่อคิวยาวเหยียดข้ามคืน เพื่อรอซื้อสินค้าในช็อป “อีฟแอนด์บอย” ที่สยามสแควร์จึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือนำสินค้าใหม่ๆเข้ามาวางขาย

จากร้านตึกแถวเล็กๆในวันนั้น ผ่านมา 20 ปี “อีฟแอนด์บอย” เติบโตได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ตัวเลขผลงาน 3 ปี ย้อนหลัง ปี 65 มียอดขาย 3,898 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 5,055 ล้านบาท ในปี 66 เติบโต 30% ก่อนมาปิดบัญชีสิ้นปี 67 ด้วยยอดขายกว่า 7,000 ล้านบาท โตขึ้น 40% โดยทำกำไรไปกว่า 1,071 ล้านบาท ปีหน้าเขาตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 9,000 ล้านบาท ก่อนจะทะยานแตะ 10,000 ล้าน ถือเป็นผลงานที่โตสวนกระแสเศรษฐกิจอย่างรุนแรง!!

โดยครึ่งแรกของปี 68 “อีฟแอนด์บอย” มี 48 สาขา โดยปีนี้เขาได้ทุ่มเงินหลายร้อยล้าน เพื่อเปิดสาขาใหม่ให้ได้ตามเป้าคือ 25 สาขา ถือเป็นการขยายสาขาที่รวดเร็วและมากที่สุดภายในปีเดียว!! ทำให้สิ้นปีนี้ “อีฟแอนด์บอย” จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 65 สาขา โดยมุ่งสยายปีกออกไปตามหัวเมืองภูมิภาคและจังหวัดใหญ่ๆหลังยึดพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลได้หมดแล้ว

“คุณบอย” ซีอีโอในวัย 42 ปี วันนี้แม้จะยังเป็นหนุ่มหน้าอ่อน แต่แก่ไปด้วยประสบการณ์ ขณะที่ยังคงอ่อนน้อมและถ่อมตน อธิบายถึง ยอดขายที่โตสวนทิศทางเศรษฐกิจว่า ตลาดรวมผลิตภัณฑ์ความงามและดูแลส่วนบุคคล (Beauty & Personal Care) เติบโตทุกปี ล่าสุด ข้อมูลจาก Statista คาดว่า ปี 68 มูลค่าตลาดในไทยจะอยู่ราว 255,600 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มโตได้ต่อเนื่องไปถึงปี 73

ช่วง 2-3 ปีมานี้ แม้นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมา แต่ยอดขายยังโตได้ดี เพราะเด็กรุ่นใหม่หันมาดูแลตัวเองและเริ่มใช้เครื่องสำอางมีอายุน้อยลง ขณะที่คนทุกเพศใช้ผลิตภัณฑ์ความงามดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น ทำให้ตลาดผู้บริโภคใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ การแต่งหน้ามีความซับซ้อนขึ้น ทำให้มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย มูลค่าตลาดจึงมากขึ้น หากนักท่องเที่ยวกลับมามูลค่าตลาดจะสูงกว่านี้มาก

ปัจจุบัน “อีฟแอนด์บอย” มีสินค้ามากกว่า 1 แสน SKU มีสินค้าจากทุกแบรนด์ที่เป็นกระแสและเป็นที่นิยมจากทั่วโลก ราคาตั้งแต่หลักสิบไปถึงหลักหมื่น มีสินค้าความงามครอบคลุมตั้งแต่หัวจดเท้า ที่ต้องใช้ตั้งแต่เช้าจดเย็น ขณะที่หลายแบรนด์ที่อยู่ในกระแสหรือได้รับความนิยม เรามีกลยุทธ์ Collaboration การออกแบบสินค้าพิเศษ เพื่อให้ซื้อได้ที่ “อีฟแอนด์บอย” เท่านั้น รวมทั้งแบรนด์ Celebrity ชื่อดัง Kylie Cosmetics หรือ lilybyred แบรนด์เครื่องสำอางที่มาแรงในเกาหลีใต้ ก็มีขายที่ “อีฟแอนด์บอย” เท่านั้น รวมถึงแบรนด์ออนไลน์ของไทย ที่เป็นกระแสจะต้องมีขายที่ “อีฟแอนด์บอย” อย่างเร็วที่สุด

สำหรับ Business on my way ของคุณบอยนั้น เขาอธิบายว่า “แม้ทีมเราต้องทำงานเร็ว ตัดสินใจเร็วเพราะกระแสตลาดเปลี่ยนแปลงเร็ว ต้องตามเทรนด์ให้ทัน แต่ผมต้องรอบคอบ เพราะเรียนรู้มาจากพ่อแม่ที่เป็นผู้ประกอบการยุคเก่า พ่อและแม่สอนว่าทำธุรกิจให้ค่อยๆคิดให้รอบคอบ ประเมินความเสี่ยง ดูความคุ้มค่า แต่เมื่อคิดรอบคอบและมีความมั่นใจแล้ว ก็ลุยเต็มที่ ซึ่งประสบการณ์ก็สำคัญ ที่จะทำให้เรามั่นใจว่าเราทำได้ ตอนเปิด “อีฟแอนด์บอย” เพราะมี PASSION อยากทำธุรกิจของตัวเอง ที่มันได้กำไรมากกว่าโชห่วย จึงมุ่งมั่นและทุ่มเท ตลอด 20 ปีของ “อีฟแอนด์บอย” ผมได้เรียนรู้ แก้ปัญหาและนำมาคิดต่อยอดธุรกิจ”

เด็กนักธุรกิจรุ่นใหม่อาจมองว่าเราช้า เพราะใช้เวลาถึง 7 ปี กับ 3 สาขาแรก แต่เมื่อเราสั่งสมประสบการณ์จนมั่นใจและเห็นโอกาสที่ใหญ่มากในกรุงเทพฯ จึงลุยและเปิดสาขาเพิ่มมาตลอด แต่ปีนี้เราลุยเปิดเพิ่มถึง 25 สาขา ภายในปีเดียว โดยกลับไปบุกตลาดต่างจังหวัด เพราะเห็นโอกาสการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้า เรามีเป้าหมายใหญ่ที่จะขยายสาขาให้ได้เป็น 140 สาขาในสิ้นปี 71

เราอาจจะช้าเพื่อความรอบคอบ ค่อยๆคิดค่อยๆทำ แต่เมื่อเห็นโอกาสและมั่นใจ เมื่อถึง จังหวะเร็วเราก็ลุย...!!

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ “Business on my way” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ