Netflix ซื้อ Warner ทำไมดีลนี้ “คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม”? เมื่อสตรีมมิงก้าวขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการ

Business & Marketing

Corporates & Leadership

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Netflix ซื้อ Warner ทำไมดีลนี้ “คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม”? เมื่อสตรีมมิงก้าวขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการ

Date Time: 8 ธ.ค. 2568 14:29 น.

Video

ระเบิดเวลาทองคำ! เตรียมรับมือการขยับครั้งสำคัญ? คุยกับ วรุต รุ่งขำ | Thairath Money Night Stand EP.16

Summary

  • Netflix ประกาศดีลเข้าซื้อกิจการ Warner Bros ด้วยมูลค่ารวมกว่า 82,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนกลายเป็นหนึ่งในดีลใหญ่สุดของวงการหนังและภาพยนตร์
  • Netflix ชนะการเสนอซื้อด้วยการเสนอมูลค่าที่สูงกว่าอยู่ที่ 27.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
  • แม้ว่า Netflix จะมีความสามารถในการผลิตคอนเทนต์ออริจินัลอยู่แล้ว แต่การซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการสร้างคอนเทนต์อย่างก้าวกระโดด และจะได้ครอบครองคลังผลงานภาพยนตร์และซีรีส์ที่สั่งสมมากว่า 102 ปีของ Warner Bros

Latest


ข่าวใหญ่ในวงการสื่อเมื่อ Netflix ประกาศดีลเข้าซื้อ Warner Bros (WB) จาก Warner Bros Discovery (WBD) ด้วยมูลค่ากว่า 82,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นหนึ่งในดีลใหญ่สุดของวงการหนังและภาพยนตร์ 

การเข้าซื้อ Warner Bros จะประกอบไปด้วยสตูดิโอถ่ายทำ และภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการต่าง ๆ ภายใต้ WB อย่างเช่น Harry Potter, Superman จักรวาล DC ตลอดจนสตรีมมิงอย่าง HBO และ HBO Max และยังรวมไปถึงสตูดิโอทีวีอีกด้วย

ในขณะที่ฝั่งของ Discovery Global ภายใต้ Warner Bros Discovery จะมีแยกออกไปเป็นอีกบริษัท และจะไม่รวมอยู่ในดีลกับ Netflix โดยฝั่ง Discovery นี้จะประกอบไปด้วยรายการทีวี อย่างเช่น CNN, Discovery และ TNT เป็นต้น

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดของดีลนี้ คือ ไม่ได้มีแค่ Netflix เจ้าเดียวเท่านั้นที่เสนอประมูลซื้อ WB แต่ยังมียักษ์ใหญ่ในตลาดอย่าง Paramount Skydance และ Comcast ด้วย ซึ่ง Netflix ชนะด้วยการเสนอมูลค่าที่สูงกว่าอยู่ที่ 27.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ในขณะที่ Paramount เสนอ 27 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นพร้อมต่อรองเข้าซื้อทั้ง WB และ Discovery 

ดีลนี้ระหว่าง Netflix และ Warner Bros เรียกได้ว่า Netflix มีชั้นเชิงอย่างมากในการเอาชนะอีก 2 เจ้าใหญ่ ซึ่งเป็นการขายบริษัทได้ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าตอนที่ David Zaslav ซีอีโอของ Warner Bros เข้ารับตำแหน่งเมื่อกว่า 3 ปีก่อน 


ถ้า Netflix ได้ Warner Bros ทำไมดีลนี้ถึงคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม?

Netflix คือหนึ่งในเจ้าใหญ่ผู้ให้บริการสตรีมมิงด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก มีการผลิตรายการ ภาพยนตร์ ซีรีส์ต่าง ๆ เป็นของตัวเอง และยังเป็นหนึ่งในลูกค้าของ Warner Bros 

ดีลซื้อกิจการนี้ถือเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งแรกของ Netflix เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ผู้ก่อตั้งและประธานของ Netflix อย่าง Reed Hastings มีปณิธานตั้งแต่เริ่มว่า Netflix จะสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง และที่ผ่านมาก็ทำให้บริษัทเติบโตจากสตาร์ทอัพในซิลิคอนวัลเลย์ จนเป็นสตรีมมิงรายใหญ่ของโลก

ตามรายงานของ CBS ระบุว่า การเข้าซื้อสตูดิโอของ Warner Bros จะถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญของ Netflix แม้ว่า Netflix จะมีความสามารถในการผลิตคอนเทนต์ออริจินัลอยู่แล้ว และเคยสร้างซีรีส์ฮิตระดับโลกอย่าง Stranger Things แต่การซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการสร้างคอนเทนต์อย่างก้าวกระโดด พร้อมกับทำให้ Netflix ได้ครอบครองคลังผลงานภาพยนตร์และซีรีส์ที่สั่งสมมากว่า 102 ปีของ Warner Bros ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงมาก

รายงานจากบริษัทวิจัยตลาด MKI Global ยังระบุว่า ขนาดที่ใหญ่ขึ้นของบริษัทหลังควบรวมจะช่วยให้ Netflix มีอำนาจต่อรองที่สูงขึ้นทั้งกับผู้ลงโฆษณาและพันธมิตรทางธุรกิจ การรวมธุรกิจสตูดิโอและสตรีมมิงของ Warner Bros เข้ามา จะทำให้ Netflix มีกระแสของหนังและซีรีส์ระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาผลงานฮิตเป็นครั้งคราว และช่วยให้กลุ่มบริษัทที่รวมกันแล้วควบคุมการทำรายได้ของแต่ละคอนเทนต์ตลอดวงจรชีวิตได้มั่นคงขึ้น

ด้าน Greg Peters ซีอีโอร่วมของ Netflix กล่าวว่า “ดีลนี้จะสามารถดึงดูดและรักษาจำนวนสมาชิกได้มากขึ้น รวมถึงสร้างรายได้และกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เรามองว่าดีลนี้จะช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจไปอีกหลายทศวรรษข้างหน้า”


Netflix จะหาเงินมาจากไหน?

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงนี้ ผู้ถือหุ้นของ Warner Bros จะได้รับเงินสดหุ้นละ 23.25 ดอลลาร์สหรัฐ และ หุ้นสามัญของ Netflix มูลค่า 4.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น

ด้านที่ปรึกษาทางการเงิน Moelis & Co. ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหลักให้กับ Netflix ขณะที่ Wells Fargo เข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มเติม และร่วมกับ BNP Paribas และ HSBC Holdings จัดหาเงินกู้เพื่อใช้ในดีลนี้มูลค่าสูงถึง 59,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตามเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแล) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเงินกู้ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในดีลลักษณะนี้

ขณะเดียวกันฝั่ง Warner Bros จะมี Allen & Co., JPMorgan Chase & Co. และ Evercore ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการทำดีลครั้งนี้

มูลค่าหุ้น (Equity Value) ของดีลนี้อยู่ที่ 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อรวมมูลค่ากิจการทั้งหมด (Enterprise Value) ซึ่งนับรวมภาระหนี้เข้าไปด้วย มูลค่าดีลจะขยับขึ้นไปที่ 82,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระดับมูลค่าดังกล่าวทำให้การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ติดอันดับหนึ่งในดีลสื่อที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และถือเป็นดีลที่มีมูลค่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ AT&T เข้าซื้อ Time Warner ในปี 2018

ตามรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2025 ระบุว่า Netflix มีรายได้สุทธิอยู่ที่ 11,510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 3,248 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Netflix บอกว่า โดยรวมผลงานยังแข็งแรง รายได้โตตามเป้า และแม้ Operating Margin จะต่ำกว่าคาด แต่สาเหตุเกิดจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจึงคาดว่าไม่กระทบผลประกอบการระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ยังคงต้องรอการอนุมัติจากฝั่งกำกับดูแลอีกครั้ง โดย Netflix ได้ตกลงที่จะจ่ายค่าปรับหากมีการยกเลิกดีลเป็นจำนวนมากถึง 5,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับ Warner Bros หากดีลนี้ล่ม ไม่ว่าจะจากกรณีที่การเจรจาล้มเหลว หรือไม่ผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

และทาง Paramount Skydance เองก็อาจจะยังไม่ถอยออกจากเกม ตัวแทนของบริษัทแสดงความไม่พอใจต่อกระบวนการประมูลที่ผ่านมา และมีความเป็นไปได้ว่าจะยื่นข้อเสนอใหม่โดยตรงต่อผู้ถือหุ้น และคาดว่าเส้นทางหลังจากนี้จะซับซ้อนและมีต้นทุนสูงขึ้นอย่างมาก


ใครจะได้ ใครจะเสียประโยชน์?

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ถ้าดีลนี้สำเร็จ Netflix จะขึ้นเป็นสตรีมมิงที่ใหญ่มากจนยากจะโค่น จะกลายเป็นสตรีมมิงที่ครอบคลุมหลายอย่าง 

และทางผู้ถือหุ้นของ Warner Bros จะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์อย่างมากหากดีลได้รับการอนุมัติ นอกจากจะได้รับค่าตอบแทนในรูปของเงินสดและหุ้น Netflix แล้ว พวกเขายังจะถือครองธุรกิจ Discovery Global ที่เหลืออยู่ ซึ่งประเมินว่ามีมูลค่าประมาณหุ้นละ 3 ดอลลาร์สหรัฐ (ตาม Enterprise Value) มูลค่าราว 27,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานการวิเคราะห์จาก Morningstar ระบุว่า ในทางกลับกัน Netflix จะเผชิญความท้าทายอย่างมากในการดึงมูลค่าที่แท้จริงออกมาจากการลงทุนครั้งใหญ่ถึง 83,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการทับซ้อนของฐานผู้ใช้ระหว่าง HBO Max และ Netflix ซึ่งหมายความว่า Netflix ไม่ได้จำเป็นต้องพึ่งขนาดหรือคอนเทนต์ของ HBO Max มากนัก ทำให้ราคานี้ดูเหมือนเป็นการยอมจ่ายเกินจริง

แม้ Netflix จะคาดหวังว่าการประหยัดต้นทุนหลังการควบรวมจะช่วยลดตัวคูณการเข้าซื้อกิจการลงมาเหลือประมาณ 14 เท่าของ EBITDA ปี 2026 แต่ระดับนี้ก็ยังถือว่าสูงกว่ามูลค่าที่ราคาหุ้น Warner เดิมสะท้อนเอาไว้อย่างมาก นอกจากนี้ ยังคาดว่าอาจเกิดผลเสียด้านรายได้ (Revenue Dyssynergies) จากการที่สมาชิกผู้ใช้ซ้ำซ้อนกันระหว่างสองแพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ตาม บริษัทวิจัย MKI เผยด้วยว่า แนวคิดหลักของดีลนี้ คือการรวมบริการสตรีมมิงที่มีความทับซ้อนกันให้กลายเป็นแอปฯ หลักของ Netflix เพียงหนึ่งเดียว หรืออย่างน้อยก็เป็นแพ็กเกจ Netflix-HBO Max ที่ผสานกันแน่นหนา โดยจะมีการล็อกอินเพียงครั้งเดียว มีระบบค้นหาและแนะนำคอนเทนต์แบบเดียวกัน มีระบบโฆษณาร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ และเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ในระยะยาว

พร้อมกันนี้ ทางฝั่งของผู้ชมหลายคนก็กังวลว่า ภาพยนตร์ของ Warner Bros ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์จะถูกปรับเปลี่ยนไปลงในสตรีมมิง และที่ผ่านมา Netflix ก็ส่งภาพยนตร์เข้าฉายในโรงเพียงไม่กี่เรื่องและเป็นรอบจำกัด โดยมักทำเพื่อให้มีคุณสมบัติสำหรับรับรางวัล อย่าง Oscars เพราะ Netflix ถือว่าผู้ชมที่บ้านคือกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัท

จนถึงขั้นที่สมาคมเจ้าของโรงภาพยนตร์ (Cinema United) เรียกดีลของ Netflix ว่า “เป็นภัยคุกคามที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อธุรกิจการฉายภาพยนตร์ทั่วโลก”

ด้าน Netflix ให้คำมั่นว่าจะรักษาการดำเนินงานปัจจุบันของ Warner Bros ไว้ และจะสานต่อความแข็งแกร่งของบริษัทรวมถึงการออกฉายภาพยนตร์ในโรง โดย Ted Sarandos ซีอีโอร่วมของ Netflix กล่าวว่าบริษัทจะปล่อยภาพยนตร์ประมาณ 30 เรื่องในโรงภาพยนตร์ในปีนี้

“ผมจะไม่มองว่านี่เป็นการเปลี่ยนวิธีการสำหรับภาพยนตร์ของ Netflix หรือของ Warner” เขากล่าว และเสริมว่าการออกฉายภาพยนตร์ “จะพัฒนาไปสู่รูปแบบที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคมากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้ชมได้เร็วขึ้นในที่ที่พวกเขาอยู่”

แล้ว HBO Max จะเป็นอย่างไร?

แม้จะไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจน แต่ผู้บริหารของ Netflix บอกเป็นนัยว่าพวกเขาจะยังคงดำเนิน HBO Max ในฐานะบริการแยกต่างหาก คล้ายกับวิธีที่ Walt Disney มีทั้ง Disney+ และ Hulu โดยบริการเหล่านี้มักจะถูกจัดรวมเป็นแพ็กและจะมีการเสนอราคาพิเศษออกมา


ที่มา: Bloomberg [1][2][3], PRNewswire, CNBC, Investing, CBS, Netflix, Morningstar, Fortune


ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ