ไปรษณีย์ยุคใหม่ “มากกว่าขนส่ง” ไทย - ลาว จับมือยกศักยภาพ ลุยอีคอมเมิร์ซข้ามแดน

Business & Marketing

Corporates & Leadership

Tag

ไปรษณีย์ยุคใหม่ “มากกว่าขนส่ง” ไทย - ลาว จับมือยกศักยภาพ ลุยอีคอมเมิร์ซข้ามแดน

Date Time: 21 พ.ย. 2568 18:06 น.

Video

เก็บเงินก็ยาก ลงทุนก็เสี่ยง คนไทยรอดจากความจนยาก? กับ ดร.บุรินทร์ อดุลวัฒนะ | Thairath Money Night Stand EP.17

Summary

ไปรษณีย์ไทยและลาวลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนาธุรกิจขนส่งและอีคอมเมิร์ซ

  • ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ จากไปรษณีย์ไทย และ ฤทธิกร ภูมิศักดิ์ จากไปรษณีย์ลาว ร่วมลงนาม
  • ไปรษณีย์ไทยมีแผนเปิดตัว Super App และใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพบริการ
  • ความร่วมมือครอบคลุมการยกระดับระบบขนส่ง, บริการ EMS, และอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
  • มีแผนพัฒนา e-Wallet และตราไปรษณียากรร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์

Latest


ไปรษณีย์ไทยสานต่อความสัมพันธ์กับไปรษณีย์ลาว เล็งยกระบบให้ไปรษณีย์ของทั้ง 2 ประเทศให้เป็นมากกว่าแค่ระบบขนส่ง ปูแผนเดินหน้าหนุนตลาดอีคอมเมิร์ซและการค้าระหว่างประเทศไทยและลาวที่กำลังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดดิจิทัลในระดับภูมิภาค เร่งเสริมศักยภาพกันและกัน ตั้งเป้าดันให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลจากความร่วมมือครั้งนี้

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2025 ผู้บริหารจากไปรษณีย์ไทย นำโดย ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับไปรษณีย์ลาว โดยมี ฤทธิกร ภูมิศักดิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ลาว จำกัด เข้าร่วมลงนามครั้งนี้


ตลอดปีที่ผ่านมา มาตรการภาษีทรัมป์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจไปรษณีย์ของทั้งสองประเทศ อย่างฝั่งของไปรษณีย์ไทยประสบปัญหารายได้ระหว่างประเทศลดลงที่ประมาณ 10% (คิดเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท) ในขณะที่ฝั่งลาวที่ต้องรับภาษี 40% การยกเลิกการลดหย่อนภาษีพัสดุที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อรายได้ของไปรษณีย์ลาว เนื่องจากรายได้จากการส่งพัสดุไปสหรัฐฯ เคยคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 60% ของรายได้ระหว่างประเทศทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ ได้อธิบายถึงแนวโน้มที่ดีของไปรษณีย์ไทยว่า “แม้ว่าจะมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อย่างภาษีทรัมป์เข้ามา แต่ไปรษณีย์ไทยยังคงมีรายได้รวม 9 เดือนแรกปี 2025 นี้อยู่ที่กว่า 16,860 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นราว 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน”

“และแม้ว่ารายได้ระหว่างประเทศจะลดลงประมาณ 10% การเติบโตในธุรกิจ ทั้งด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ และอื่น ๆ ตลอดจนการให้ความสำคัญกับคุณภาพบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถชดเชยรายได้ที่หายไปและยังคงทำภาพรวมให้เติบโตได้” ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กล่าว



นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นแรงกดดันให้วงการขนส่ง คือ การขยายตัวของธุรกิจสตาร์ทอัพโลจิสติกส์ที่แผ่ขยายบริการออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่ใช่แค่เพียงในประเทศไทย แต่ประเทศลาวก็ได้รับทราบแรงกระเพื่อมด้านนี้เช่นกัน เนื่องจากการเติบโตของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ความหลากหลายของช่องทางการช้อปของผู้บริโภค และแต่ละช่องทางยังมีระบบขนส่งที่แตกต่างกันออกไปอีก


ไปรษณีย์ไทยปั้นขาเทค ทำ Digital Transformation เต็มกำลัง

เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในตลาด ไปรษณีย์ไทยตระหนักว่าการเป็นแค่ “ผู้ขนส่ง” จะทำให้ธุรกิจลำบากในอนาคต จึงกำลังเปลี่ยนทรัพยากรที่มีในองค์กรให้เป็นเครือข่าย หรือ Network และก้าวไปสู่การเป็น “Information Logistics” โดยมีโครงการสำคัญในปี 2026 ดังนี้

  • เตรียมเปิดตัว “Super App” รวมครบทุกฟีเจอร์เป็นทัชพอยต์เดียว จากเดิมที่ไปรษณีย์ไทยเคยมี 4-5 แอปฯ ทุกอย่างจะมารวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้สะดวกในการใช้งาน ทั้งการ Tracking ติดตามพัสดุแบบเรียลไทม์ได้ผ่านแผนที่ การบริหารจัดการพัสดุเปลี่ยนจุดรับ/ส่งของในวันรับของ และการใช้เบอร์ ID แทนที่อยู่ทั้งหมด

  • ใช้ Gen AI เพิ่มประสิทธิภาพบริการ ปัจจุบันนี้เราสามารถติดตามพัสดุผ่าน Agent บน ChatGPT ได้แล้วและก่อนสิ้นปีนี้ไปรษณีย์ไทยจะเปิดให้ใช้งานได้ผ่าน Gemini ด้วยเช่นกัน โดย AI จะดึงข้อมูลจากระบบแบบเรียลไทม์ของไปรษณีย์มานำเสนอให้ผู้ใช้เลย

  • ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพคน จะมีการเพิ่มบุรุษไปรษณีย์ AI หรือ AI พี่ไรเดอร์ที่ชื่อว่า “พี่ไปร” เป็นบุรุษไปรษณีย์เสมือนจริง เพื่อเป็นทัชพอยต์ในการสอบถามข้อมูลติดตามพัสดุ โดยไม่ต้องโทรหาคอลเซ็นเตอร์ และภายในองค์กรเองจะมี AI ที่ชื่อว่า “น้องณีย์” ช่วยพนักงานไปรษณีย์และคอลเซ็นเตอร์ในการเข้าถึง Knowledge Management (KM) หรือกฎระเบียบต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังมีแผนที่จะยกระดับองค์กรด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างชัดเจน เพื่อเป็น “การปรับตัวเพื่อให้สามารถเข้าถึงและให้บริการผู้ขายในทุกช่องทางได้ ไม่เช่นนั้นผู้ขายอาจเปลี่ยนไปใช้บริการขนส่งอื่น ๆ ตามที่แพลตฟอร์มกำหนด” ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กล่าว

ในปี 2025 ที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีไปแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท และมีแผนที่จะเปิด PPP (Public Private Partnership) และตั้งบริษัทร่วมทุนหรือเข้าลงทุนในบริษัทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอีโคซิสเต็มด้านเทคโนโลยีและโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ไทย ยกตัวอย่างเช่น Smart Logistics, Smart Branch ในรูปแบบของ JV เพื่อสร้าง Technology Engine


พร้อมกันนี้ ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยและลาว คือ อีกหนึ่งเครื่องมือที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดขนส่งได้มากขึ้น โดยการเปิดให้มีการซื้อขายและส่งสินค้าข้ามพรมแดนจะยังช่วยด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ เนื่องจากชาวลาวเองก็มีการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันลาวมีการประมาณมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซ (โดยรวมของทุกแพลตฟอร์ม) อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี


แผนสำคัญ “ไปรษณีย์ไทย-ลาว” จะทำอะไรบ้าง?

ผู้บริหารทั้งสองได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์พิเศษระหว่างลาวและไทย และระบุว่าการพบปะในครั้งนี้เปรียบเสมือนเป็นประเพณีที่ไปรษณีย์ทั้งสองประเทศได้ร่วมกันสืบสานมาอย่างยาวนาน แม้จะเคยมีช่วงที่เว้นว่างไปเกือบ 10 ปี แต่ความร่วมมือยังคงดำเนินไปอย่างมั่นคง

ทั้งนี้ การลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมศักยภาพทางธุรกิจของทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น เล็งเห็นความจำเป็นในการพัฒนาความร่วมมือให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยจะปรับการดำเนินงานผ่าน 5 ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัลและการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียน กลยุทธ์ดังกล่าวประกอบไปด้วย

  • ยกระดับระบบขนส่งไปรษณีย์ โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัย โดยจะใช้ระบบส่งต่อถุงไปรษณีย์แบบปิดและแบบเปิด ทั้งทางอากาศและทางภาคพื้น (รถและราง) ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลของการขนส่งไปรษณีย์ เปิดบริการ EMS ข้ามสะพานมิตรภาพไทย–ลาว และเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านศุลกากรและเพิ่มความโปร่งใสในการตรวจปล่อยสินค้า

  • พัฒนาบริการอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนให้ไร้รอยต่อ ให้บริการ ePackage และ COD (เก็บเงินปลายทาง) ส่งของจากไทยไปลาว เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยให้เชื่อมโยงสู่ตลาดภูมิภาคได้ง่ายขึ้น โดยจะเริ่ม COD ระยะแรกในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ จะเป็นการส่งสินค้าจากไทยมาลาว และมีการยกเว้นค่าธรรมเนียม 3% จนถึงกลางปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดอีคอมเมิร์ซได้อย่างมาก

  • เสริมศักยภาพทางการเงินดิจิทัล พัฒนา e-Wallet และช่องทางชำระเงินรูปแบบใหม่เพื่อสร้างประสบการณ์ที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยสำหรับผู้ใช้บริการ พร้อมต่ออายุความร่วมมือแบบ Exclusive กับ Western Union สำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศที่ปลอดภัย โปร่งใส และทันสมัยแก่ผู้ใช้บริการ

  • สร้างภาพลักษณ์ด้านวัฒนธรรมร่วมกัน ความร่วมมือด้านการไปรษณียากร สร้างเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและวัฒนธรรม โดยจะมีการจัดทำตราไปรษณียากรออกร่วมกัน (Joint Stamp Issue) ในชื่อชุด “พญานาค” ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนทั้งสองประเทศให้ความเคารพนับถือ

  • พัฒนาศักยภาพบุคลากร ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และอบรมในรูปแบบ Onsite และ Virtual Learning ระหว่างบุคลากรไปรษณีย์ไทย-ลาว เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการของทั้งสององค์กร


ฤทธิกร ภูมิศักดิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ลาว จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยและไปรษณีย์ลาวในการประชุมความร่วมมือด้านไปรษณีย์ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 29 เป้าหมายของทั้งสองคือ ไม่เพียงเป็นการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ระหว่างสองประเทศแต่ยังเป็นการวางรากฐานสนับสนุนด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”

“และยังเป็นการต่อยอดสู่ความร่วมมือในเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมทุกมิติของธุรกิจ เพื่อตอบรับต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัลและการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งทั้งสองฝ่ายอาจจะมีความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาระบบร่วมกันในอนาคต” ฤทธิกร ภูมิศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย 


ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney



Author

Thanthida Thongphet

Thanthida Thongphet
Digital Economy & Future of Finance