“วรวิทย์ ศิริพากย์” ใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์สร้าง “ปัญญ์ปุริ”

Business & Marketing

Corporates & Leadership

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“วรวิทย์ ศิริพากย์” ใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์สร้าง “ปัญญ์ปุริ”

Date Time: 25 ต.ค. 2568 04:00 น.

Summary

“ปัญญ์ปุริ” (PANPURI) ก่อกำเนิดขึ้นในปี 2546 เริ่มด้วยเงิน 1 ล้านบาทแรก และต่อมา ที่ระดมทุนจากครอบครัว เปิดเคาน์เตอร์เล็กๆ แห่งแรกที่เกษรพลาซ่า

Latest

กลยุทธ์แบบ L’Oréal ผู้สร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลกความงามสู่จักรวาลธุรกิจ 116 ปี ครอบคลุมสินค้าทุกระดับ

วินาศกรรมช็อกโลก 9/11 เหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพาณิชย์ พุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปลี่ยนชีวิตใครหลายคนไปตลอดกาล รวมทั้ง วรวิทย์ ศิริพากย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปุริ จำกัด ผู้ก่อตั้งแบรนด์ “ปัญญ์ปุริ” (PANPURI)

เวลาประมาณ 09.30 น. ของวันที่ 11 ก.ย.2544 คุณปุ๋ย-วรวิทย์ในวัย 25 ปี นั่งประชุมอยู่ที่ชั้น 5 ของตึกเวิลด์เทรด ในฐานะพนักงานดีลอยท์ (Deloitte) 1 ใน 4 (Big 4) บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลก “เป็นการประชุมกับลูกค้า ซึ่งว่าจ้างเราปรับโครงสร้างบริษัท ลดต้นทุนโมเมนต์นั้นคือกำลังจะประกาศแผนลดพนักงาน ผมนั่งอยู่ข้างเจ้านาย ได้ยินเสียงตุ๊บ 2 ครั้ง มองออกไปนอกประตู เห็นฝุ่นควันคละคลุ้ง กระดาษปลิวว่อน ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทุกคนก็วิ่งกรูกันออกไป”

ผ่านความตายมาได้ฉิวเฉียด คุณปุ๋ยฉุกคิดชีวิตก็แค่นี้อยากทำอะไรต้องรีบทำ “ตอนนั้นเริ่มหมดไฟกับงานไฟแนนซ์ ผมจบตรีเศรษฐศาสตร์จากแคนาดา แต่ส่วนหนึ่งของผมสนใจศิลปะมาตลอด เลยสมัครเรียนปริญญาโท MBA ด้าน Luxury Good Management ที่อิตาลี ปรากฏได้ทุนเต็มจำนวน”

ไอเดียแรกของปัญญ์ปุริเกิดขึ้นที่อิตาลีนี่เอง ตอนคุณปุ๋ยเรียนเกี่ยวกับงานวิจัยเรื่องอุตสาหกรรมหลักที่จะเป็นดาวรุ่งของแต่ละประเทศทั่วโลก คุณปุ๋ยเลือกประเทศไทยและธุรกิจสปา เพราะงานบริการของไทยเป็นที่จดจำในระดับสากล รวมทั้งมีความชอบส่วนตัวในผลิตภัณฑ์สปาที่มีกลิ่นหอม ช่วยคลายเครียดจากการทำงาน

ที่อิตาลี คุณปุ๋ยได้ทำงานกับกุชชี่ แบรนด์เนมที่เริ่มต้นโดยครอบครัวเล็กๆมีกระบวนการผลิตครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และ YOOX แพลตฟอร์มช็อปปิ้งสินค้าลักชัวรีเบอร์ 1 ในยุโรป กว่าจะรู้ตัวว่ากลับไปทำงานหนักเหมือนตอนอยู่บริษัทที่ปรึกษา คุณปุ๋ยต้องรีบถอนตัวถอนใจกลับเมืองไทยดีกว่า

อิ่มตัวกับการเป็นลูกจ้าง คุณปุ๋ยคิดเริ่มธุรกิจ เดินซุปเปอร์มาร์เกต ตลาดจตุจักร เข้าสปา เจอแต่ผลิตภัณฑ์ต่างชาติ สินค้าไทยมีบ้างแต่ไม่ลักชัวรีพอ “เห็นแบรนด์เนมอิตาลีเล่าเรื่อง สะท้อนคุณค่าและคุณภาพสินค้า ผมอยากทำแบรนด์ไทยให้เป็นแบบนั้นบ้าง” ปัญญ์ปุริจึงก่อกำเนิดขึ้นในปี 2546 เริ่มด้วยเงิน 1 ล้านบาทแรก และต่อมา ที่ระดมทุนจากครอบครัว

เปิดเคาน์เตอร์เล็กๆแห่งแรกที่เกษรพลาซ่า ปัญญ์ปุริมีสินค้าหลากหลายพอสมควร ตั้งแต่ครีมอาบน้ำ โลชั่น น้ำมันทาตัว ผลิตในประเทศโดยใช้กลิ่นจากดอกไม้ สมุนไพรไทย ไม่ว่าจะเป็นมะลิ ตะไคร้ กระดังงา “จนปี 2548 ปัญญ์ปุริได้วางขายในคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรีดอนเมือง ทำยอดขายทะลุ 100 ล้านบาทสำเร็จ”

10 ปีผ่านไป ปัญญ์ปุริไต่ระดับความนิยมขึ้นเรื่อยๆมาถึงจุดพีกช่วงปี 2558 เมื่อกลายเป็นแบรนด์ขวัญใจนักท่องเที่ยวจีน ถูกเลือกใช้ในสปาของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล, โรงแรมดาราเทวี, โรงแรมอนันตรา

สเกลใหญ่ขึ้นจนทำคนเดียวไม่ไหว แถมต้องการเงินลงทุนเพิ่มรองรับการขยายธุรกิจ คุณปุ๋ยตัดสินใจเปิดรับนักลงทุนรายใหม่ในปี 2561 ได้ Lakeshore Capital อัดฉีดเงินเข้ามา 200-300ล้านบาท

การเข้ามาของ Lakeshore Capital ทำให้ปัญญ์ปุริต้องปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ มีแผนธุรกิจที่รัดกุม มีเป้าหมายที่ชัดเจน“ตอนนั้นตั้งเป้ารายได้ปี 2562 ปิดที่ 400-500 ล้านบาท เราใช้ EY บริษัทผู้สอบบัญชีชั้นนำทำบัญชีให้ แต่งตัวเตรียมกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ”

ดั่งสวรรค์แกล้งยังไม่ทันพ้นปี 2562 โควิดเริ่มระบาดผ่านเข้าปี 2563 ห้าง-สปาถูกปิดทั้งหมด แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี ปัญญ์ปุริรอดพ้นมาได้ เพราะการเพิ่มทุนจาก Lakeshore Capital ทำให้พอมีกระแสเงินสดหมุนเวียน คุณปุ๋ยยังเลือกที่จะไม่หยุดนิ่ง พลิกโควิดเป็นโอกาสในการปรับทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ ปรับดีไซน์ทั้งสินค้าและร้านสปา รองรับโลกหลังโควิดที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป “โชคดีที่เราไม่อยู่เฉย ที่ผมจะไม่หยุดคือการพัฒนาแบรนด์ เล่าเรื่องของเรา แม้ในช่วงโควิดเรายังทำแคมเปญสื่อสารกับลูกค้าต่อเนื่อง ไม่ให้เขาลืมเรา พอผ่านโควิดปี 2565 เป็นต้นมา ยอดขายปัญญ์ปุริโตเฉลี่ย 90% จนปี 2567 เป็นปีแรกที่ทำยอดขายได้เกิน 1,000 ล้านบาท ปิดที่ 1,100 ล้านบาท”

พอ Lakeshore Capital ถอนตัวออกไปในปี 2567 คุณปุ๋ยเริ่มมองหานักลงทุนใหม่ คราวนี้อยากได้คนที่จะมาช่วยปัญญ์ปุริบุกตลาดโลก จนเดือน ธ.ค.2567 ปัญญ์ปุริได้บรรลุข้อตกลงกับโคเซ่ (Kose) แบรนด์เครื่องสำอางจากประเทศญี่ปุ่น ในการเข้ามาซื้อหุ้นในสัดส่วนที่ถือโดยครอบครัวของคุณปุ๋ยทั้งหมด ขณะที่คุณปุ๋ยยังถือหุ้นในสัดส่วนของตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่ยอมถอยเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 2 รองจากโคเซ่ “ผมยังไม่รีบเกษียณ ยังไม่รีบรวย ยังอยากทำงานอยู่ ทำให้ปัญญ์ปุริเป็นแบรนด์ลักชัวรีไทยในระดับโลกให้ได้ เป้าหมายนี้มีประสบการณ์จากโคเซ่เป็นตัวช่วยหลัก”

ในทุกจังหวะสำคัญ ดูเหมือนว่าคุณปุ๋ยจะตัดสินใจได้อย่างแม่นยำเสมอ ตอบโจทย์การเติบโตในแต่ละวัฏจักรธุรกิจ ลำพังเพียงแค่โชคชะตาคงไม่สามารถรังสรรค์ให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้

“ผมว่างานในฐานะบริษัทที่ปรึกษาสอนผมเรื่องนี้ เราต้องมีเป้าหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน เวลาจะทำอะไร ผมจะมองที่ยอดพีระมิดก่อนเสมอ บางคนอาจเริ่มต้นที่ฐาน ซึ่งสุดท้ายเราอาจไม่เห็นยอด ไปไม่ถึงเป้าหมาย ที่สำคัญจะทำอะไร ต้องรู้ลึก รู้จริง ลงรายละเอียด สิ่งนี้คือความเป็นผมมาโดยตลอด”

ยอดพีระมิดที่ว่าของคุณปุ๋ยคือการบุกสู่ตลาดญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ เปิดครบ 50 สาขาในอีก5 ปีข้างหน้า บุกสู่ตลาดยุโรป อเมริกาในอีก 10 ปีข้างหน้า และทำยอดขายแตะ 3,000 ล้านบาทภายในปี 2572.

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ “Business on my way” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ