
ปัจจุบันในระบบการศึกษากำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ที่เข้ามาเปลี่ยนโฉมรูปแบบการเรียนรู้ พร้อมกันนั้นการเติบโตของนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เป็นไปอย่างก้าวกระโดดยังส่งผลให้บทเรียนแบบเดิม ๆ เริ่มไม่ตอบโจทย์
หนึ่งในนั้นคือการศึกษาด้านบริหารธุรกิจ หรือ MBA ที่กำลังเผชิญกับคำถามสำคัญว่า “ความรู้” แบบเดิม ๆ เพียงพอที่จะสร้างผู้นำแห่งอนาคตได้อยู่ไหม? เพราะในขณะเดียวกันนี้ ผู้นำยุคใหม่ต่างต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ไปพร้อม ๆ กับการต่อสู้ในภาวะที่การหมดไฟเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย
ท่ามกลางสมรภูมินี้ GLOBIS University มหาวิทยาลัยจากญี่ปุ่นที่เปิดสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจ หรือ MBA ที่ปัจจุบันเติบโตจนกลายเป็น MBA School ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ได้เสนอคำตอบที่แตกต่างออกไป เพราะที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่เชื่อว่าผู้นำที่แท้จริง (Visionary Leader) ไม่สามารถถูกสร้างได้ด้วยตำราการเงินหรือกลยุทธ์การตลาดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องถูกหล่อหลอมจาก 2 เสาหลักที่ขาดกันไม่ได้ นั่นคือ “Technovate” (การผสานพลังของเทคโนโลยีและนวัตกรรม) และ “Kokorozashi” (โคโคโรซาชิ หรือเป้าหมายในชีวิต)
พร้อมกับประกาศเปิดตัว เฌอปราง อารีย์กุล อดีตสมาชิกและผู้จัดการวง BNK48 เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของมหาวิทยาลัย เนื่องจากในปัจจุบันเฌอปรางกำลังศึกษาอยู่ที่ GLOBIS University ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีเป้าหมายชัดเจน
ไปทำความรู้จักกับ GLOBIS University และถอดรหัสแนวคิดการสอนหลักสูตรบริหารธุรกิจที่น่าสนใจ ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการยุคปัจจุบันเติบโตและอยู่รอดได้ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง
GLOBIS University คือมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านหลักสูตรบริหารธุรกิจ (MBA) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นในปี 1992 โดยโยชิโตะ โฮริ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัท GLOBIS มีพันธกิจในการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและพร้อมรับมือกับโลกธุรกิจยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI
หัวใจสำคัญของ GLOBIS คือการผสาน 2 แนวคิดหลัก คือ “Technovate” ที่เป็นการผสานพลังของเทคโนโลยีเข้ากับนวัตกรรม และ “Kokorozashi” หรือแนวคิดการมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน เพื่อสร้างผู้นำที่มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมีจุดมุ่งหมาย
สิ่งที่ทำให้โกลบิสแตกต่าง คือ การวางตัวเป็น Ecosystem ที่ไม่ใช่แค่สถาบันการศึกษา โดยเชื่อมโยง 3 เสาหลักเข้าด้วยกันคือ คน (People) ทุน (Capital) และ ความรู้ (Knowledge) โดย GLOBIS มีการเปิดสอนหลักสูตร MBA ที่หลากหลาย ออกแบบเป็นเหมือนขั้นบันไดให้ผู้เรียนเลือกได้ตามความเหมาะสมของตนเอง ประกอบไปด้วย
นอกจากการศึกษาแล้ว ทาง GLOBIS ยังสนับสนุนด้านเงินทุน โดยมี GLOBIS Capital Partners ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัท Venture Capital ชั้นนำของญี่ปุ่น ที่มียอดลงทุนรวมกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระบบนิเวศนี้ช่วยให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ที่นำไปใช้ได้จริง ด้วยการเรียนในชั้นเรียนผ่านกรณีศึกษา 100% และเรียนรู้จากผู้บริหารตัวจริงในวงการธุรกิจ
ด้วยแนวคิดนี้ GLOBIS จึงมุ่งเน้นการสร้างผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) อย่างจริงจัง โดยมีโครงการสนับสนุนนักศึกษาให้เริ่มต้นธุรกิจของตนเองผ่านการแข่งขันเพื่อชิงเงินทุน จากจุดเริ่มต้นในโตเกียว ปัจจุบัน GLOBIS ได้ขยายเครือข่ายไปทั่วโลก โดยมีสาขาทั้งในกรุงเทพฯ สิงคโปร์ ซานฟรานซิสโก และบรัสเซลส์
ในขณะที่ MBA ทั่วไปมุ่งเน้นที่การสร้างทักษะ (Skills) และความรู้ (Knowledge) แต่ GLOBIS กลับเริ่มต้นจากคำถามที่ลึกซึ้งกว่าที่ว่า “คุณมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?” ซึ่งนี่คือแก่นแท้ของ “Kokorozashi” หรือแปลไทยได้ว่า “ภารกิจส่วนตน” (Personal Mission) เป็นแนวคิดที่ถูกฝังลึกใน DNA ของ GLOBIS
Kokorozashi ไม่ใช่แค่สิ่งที่ชอบ หรือสิ่งที่ถนัดแบบผิวเผิน หรือภาพกว้าง ๆ ที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ Ikigai แต่ Kokorozashi คือทิศทางหรือเป้าหมายที่เราตั้งไว้ในชีวิต เพื่อก้าวผ่านอุปสรรคไปให้สำเร็จ สร้างเป็นตำนาน (Legacy) ของเรา และสร้างผลกระทบ (Impact) ในวงกว้างต่อสังคม
โยชิโตะ โฮริ ผู้ก่อตั้ง GLOBIS University ได้มองเห็นปัญหาของผู้นำยุคใหม่ พบว่า หากปราศจาก Kokorozashi แม้คนคนนั้นจะมีทั้งความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยี ก็อาจเผชิญกับภาวะหมดไฟ (Burnout) ได้ง่ายดาย เพราะพวกเขาขาดแสง หรือแรงผลักดันที่จะทำให้อยากลุกขึ้นมาในเช้าวันจันทร์อย่างตื่นเต้นเพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จ
ปรัชญานี้สะท้อนชัดเจนผ่านการคัดเลือกนักศึกษา GLOBIS โดยมหาวิทยาลัยไม่ได้มองหาคนที่แค่อยากได้ MBA เพราะอยากได้งานที่ดีขึ้นหรือเงินเดือนที่ดีขึ้น แต่มองหาผู้ที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อตัวเองและสังคมอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นในกระบวนการสัมภาษณ์จึงเน้นการขุดค้นตัวตนและเป้าหมายนี้อย่างเข้มข้น
กรณีที่ชัดเจนที่สุดคือ เฌอปราง อารีย์กุล แบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ GLOBIS ที่ได้ตัดสินใจเรียนที่ GLOBIS เพราะแนวคิดนี้โดยตรง เธอกล่าวว่า “เฌอทำมาเยอะจนรู้สึกว่าไม่รู้จะทำอะไรต่อแล้ว อะไรจะเป็นเป้าหมายต่อไปให้หนูรู้สึกว่าอยากตื่นมาทำสิ่งนี้ทุกวัน” การได้พบคำว่า Kokorozashi จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอเลือกก้าวเข้าสู่โลกของ MBA
Technovate คือคำสองคำที่มารวมกัน นั่นคือ Technology และ Innovation ซึ่งแนวคิดนี้ทางมหาวิทยาลัยเรียกว่าเป็นอาวุธสำหรับผู้นำในยุค AI เพราะหาก Kokorozashi คือ “เหตุผล” Technovate ก็คือ “อาวุธ”
GLOBIS ตระหนักดีว่าผู้นำที่มีเพียงเป้าหมาย แต่ขาดความเข้าใจในเทคโนโลยี จะกลายเป็นธุรกิจที่ถูก Disrupt ได้ง่ายในโลกยุคใหม่ Technovate ซึ่งเป็นคำที่ GLOBIS บัญญัติขึ้นมาใหม่ จึงเป็นเสาหลักที่สอง
สิ่งสำคัญคือ GLOBIS ไม่ได้พยายามเปลี่ยนนักธุรกิจให้เป็นวิศวกร (Engineer) แต่กำลังสร้างผู้นำที่รู้เท่าทันนวัตกรรม และสามารถเข้าใจเทคโนโลยีเพื่อไม่ให้ถูก Disrupt และเข้าใจในโอกาสที่จะไปจับมันได้ โดย GLOBIS ได้ประยุกต์ใช้แนวคิดนี้มิติต่าง ๆ ได้แก่
นอกจากนี้ วัฒนธรรมการเรียนของหลักสูตร Full-Time MBA และ Part-Time & Online MBA จะเน้นไปที่การศึกษาภาคปฏิบัติ เรียนรู้ผ่านกรณีศึกษาจากธุรกิจจริง 100% และจะไม่ใช่นักวิชาการที่เข้ามาสอน แต่จะเป็นผู้บริหาร ซีอีโอ หรือผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ที่เข้ามาทำหน้าที่นี้ อีกทั้งยังไม่มีวิทยานิพนธ์ แต่จะมี Research Project ที่นักศึกษาต้องเข้าไปแก้ปัญหาจริงให้กับบริษัท
ทั้งนี้ GLOBIS University ปัจจุบันมีศิษย์เก่า MBA ชาวไทยกว่า 99 คน และจำนวนนักศึกษาไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 60% ของนักเรียนไทยที่เรียนจบมักเลือกที่จะทำงานต่อในญี่ปุ่น
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney