LA GLACE เครื่องสำอาง Gen Z โตแรง 1,000% ในปีเดียว จาก “บลัชดำ” ปั้นแบรนด์สู่เป้ารายได้ 2,000 ล้าน

Business & Marketing

Corporates & Leadership

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

LA GLACE เครื่องสำอาง Gen Z โตแรง 1,000% ในปีเดียว จาก “บลัชดำ” ปั้นแบรนด์สู่เป้ารายได้ 2,000 ล้าน

Date Time: 18 มิ.ย. 2568 11:07 น.

Video

บุกโรงงานญี่ปุ่น ทัวร์ Glico ยักษ์ใหญ่อาหาร 3 แสนล้านเยน | BrandStory EP.27

Summary

เปิดเรื่องราว LA GLACE แบรนด์เครื่องสำอางเจ้าของ “บลัชดำ” ไวรัลสู่รายได้แตะ 400 ล้าน โต 1,000% ในปีเดียว จาก “วัยรุ่นสร้างตัว” สู่ผู้บริหารบริษัท Make Up ที่มีแต่ Gen Z ตั้งเป้ายอดขายปี 2568 แตะ 1,000 ล้าน พร้อมตีตลาดพี่สาวจีน เตรียมบุกตลาดเพื่อบ้าน ดันยอดขายทะลัก 2,000 ล้านภายใน 3 ปี ก่อนนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น เผย อนาคตอยากเป็น บริษัทโฮลดิ้งลงทุนในแบรนด์ที่มีศักภาพทั้งในและต่างประเทศเพื่อขยายพอร์ต LA GLACE ผลักดันจุดยืน “Underground Beauty Makeup” แห่งเอเชีย

Latest


หากพูดถึงแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำไทยที่กำลังฮอตฮิตในกลุ่มวัยรุ่น Gen Z ตอนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “LA GLACE” (ลา-กลาส) เจ้าของ “บลัชดำ” ในตำนานอย่าง BLACK MAGIC LIP & CHEEK PH BLUSH บลัชสีดำที่จะเปลี่ยนสีตามค่า PH ของแต่ละคนที่ทำเอาสาว ๆ สายเม็กอัพแฟชั่นตื่นตาตื่นใจและกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ 

นี่คือ แบรนด์วัยรุ่นไทยที่กำลังเดินหน้าสู่แผนใหญ่อย่างการตั้งเป้าเป็นเบอร์หนึ่งด้านเครื่องสำอาง ทำให้วงการบิวตี้กลายเป็นภาพจำของประเทศ การตีตลาดจีน ไปจนถึงการระดมทุนเข้าตลาดหุ้นไทย 

จาก “วัยรุ่นสร้างตัว” สู่ ผู้บริหารบริษัท Make Up ที่มีแต่ Gen Z


เอมลินทร์ ธีรธนากิตติพงษ์ (ไอติม) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอดีล แอนด์ มาเวลลัส เท็น จำกัด ผู้ก่อตั้งและเจ้าของแบรนด์ LA GLACE (ลา-กลาส) เปิดเผยว่า ตนและทิวาทัพพ์ ธรารักษ์อนันต์ (เฟรนฟราย) ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด ได้ร่วมกันก่อตั้งแบรนด์เครื่องสำอางค์ LA GLACE ตั้งแต่อายุ 19-20 ปี ในช่วงที่เป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ จากจุดเริ่มต้นที่ต้องการสร้างธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ เธอตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจบิวตี้ โดยใช้ตัวเองในฐานะเน็ตไอดอลหรืออินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้เป็นสารตั้งต้นในการขายและการทำการตลาดในการผลักดันแบรนด์จนทำให้มีฐานผู้ติดตามของตัวเองส่วนหนึ่ง พร้อมกับเปิดตัวสินค้าตัวแรก คือ ‘เบสหน้าเนียน LA GLACE’

แบรนด์ผ่านจุดล้มลุกคลุกคลานไม่น้อยกว่าจะมีวันนี้ โดยหลังจากก่อตั้งแบรนด์ได้ 3 ปี LA GLACE เคยประสบกับภาวะขาดทุนที่มูลค่ารวมกว่า 20 ล้านบาทจากความผิดพลาดด้านการผลิต สินค้าโดนยัดไส้จากโรงงานที่ทำให้เจอกับของที่ไม่ตรงตามมาตรฐานและคุณภาพจนไม่สามารถนำออกมาขายได้ ตลอดจนเสียงจากลูกค้าที่ตั้งคำถามถึงราคา ทำให้หลังจากนั้นตนกับทิวาทัพพ์ตัดสินใจพลิกฟื้นธุรกิจอย่างจริงจัง วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนเพื่อแก้ปัญหาทีละชั้น พร้อมกับวางแผนปรับภาพลักษณ์ใหม่ในการปั้นแบรนด์ดิ้งและปรับทิศทางการตลาดให้เติบโตได้ด้วยเอกลักษณ์และจุดยืนของตนเอง

“ LA GLACE เรา คือ แบรนด์เดียวในเอเชียที่นำเสนอสไตล์ความงามแบบ 'Underground Beauty Makeup' หรือ ความสวยที่ไม่มีกรอบ เรา คือ แบรนด์ที่ต้องการสร้างคัลเจอร์การแต่งหน้า การดูแลผิว ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพของเรา ที่ตอบโจทย์การแต่งหน้าทุกลุค โดยสินค้าทุกชิ้นของ LA GLACE ต้อง support การแต่งหน้าของคนแต่งหน้าได้จริง และที่สำคัญ คือ เราต้องการเป็นเครื่องมือสร้างความมั่นใจให้กับทุกคน ผ่านการสร้างตัวตนในแบบ LA GLACE Culture สวย ฉลาด มั่นใจ มีความคิดที่ทันสมัยในการใช้ชีวิต เพื่อป็นแรงบันดาลใจและช่วยส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ให้กับคนที่เห็นหรือได้ใช้สินค้าของเรา ”

ทิวาทัพพ์ ธรารักษ์อนันต์ (เฟรนฟราย) ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท ไอดีล แอนด์ มาเวลลัส เท็น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการบริหารว่า ปัจจุบัน LA GLACE มีหลักการสำคัญในการผลักดันแบรนด์และธุรกิจ คือ การลงทุนมหาศาลใน ‘ทีมงาน’ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่สุด ตั้งแต่การดึงดูดทาเลนต์ให้เข้ามาทำงานและการผลักดันให้เติบโตต่อได้ในบริษัท

เอมลินทร์ เปิดเผยว่า ทีมงานที่ขับเคลื่อนไอเดียต่าง ๆ ที่ทำให้แบรนด์ LA GLACE เติบโตทุกวันนี้กว่า 90% เป็นเด็ก Gen Z ซึ่งมีอายุเฉลี่ยอยู่ในช่วง 24-25 ปี ทำให้สามารถเรียกได้ว่าความสำเร็จของแบรนด์ทั้งด้านยอดขายและภาพลักษณ์เป็นแบรนด์รุ่นใหม่อย่างแท้จริง

สำหรับหลักการที่สอง คือ การให้ความสำคัญกับ ‘บริการ’ โดยนอกจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว จุดเด่นและจุดแข็งของ LA GLACE คือ ระบบที่ดูแลและบริการที่ดี ทั้งก่อนและหลังการขายให้กับลูกค้า รวมถึงระบบหลังบ้านในการเก็บข้อมูล Data ครอบคลุม SOV (Share of voice) และ พฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ทำให้เรารู้จักและรู้ใจลูกค้า สามารถออกแบบคอนเทนต์ได้อย่างเป็นระบบ มีระบบทีม Live ที่แข็งแกร่ง และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ Gen Z ได้อย่างตรงความต้องการ

“ ทำให้ LA GLACE สามารถเป็น Trendsetter ในวงการ Make Up ได้อย่างดี ที่สำคัญเราได้สร้าง แบรนด์คอมมูนิตี้ LA GLACE club ที่แข็งแกร่ง เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ดึงคนที่มีคาแลคเตอร์ และ จริตเดียวกันกับแบรนด์มามีสังคมร่วมกัน ทำให้สามารถเติบโตไปกับเทรนด์การแต่งหน้าได้อย่างยั่งยืน ” กล่าว 

LA GLACE 1,000%

ปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 8 แบรนด์มีผลิตภัณฑ์ที่เป็น Product hero ครองใจชาว Gen Z หลากหลายผลิตภัณฑ์ จากการมุ่งพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ความงามที่ดีที่สุด มีเอกลักษณ์และมีความแตกต่าง จากสินค้าในตลาดในราคาที่จับต้องได้-เข้าถึงง่าย โดยปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ มากกว่า 80 SKU ประกอบไปด้วยกลุ่ม Make up, Skincare และ Mask sheet

เอมลินทร์ กล่าวว่า เราได้เริ่มธุรกิจจากการขายสินค้าในช่องทางออนไลน์ของตัวเอง โดยมีตนเองเป็นพรีเซนเตอร์แนะนำและรีวิวสินค้า จาการทำคอนเทนต์และ Live ใน TIKTOK และ IG หลังจากนั้นก็ได้ขยายตลาดออนไลน์ไปในทุกช่องทาง ทั้งบัญชีทางการของบริษัท (OFFICIAL)และช่องทางใน market place ทั้ง shopee, Lazada, TikTok และ Line Shop ฯ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้า Gen Z ทุกช่องทาง โดยปัจจุบันเฉพาะบัญชีOFFICIAL ของ La Glace มีผู้ติดตามรวมทุกช่องทางออนไลน์ถึง 1,500,000 follower หรือผู้ติดตาม และมีฐาน Affiliate (นายหน้าขายสินค้าในออนไลน์) อีกกว่า 140,000 คน

นอกจากนี้เรายังได้ขยายไปตลาดออฟไลน์หลังสินค้าเราเป็นที่ต้องการ บริษัทได้กระจายสินค้า วางขายในร้านค้าปลีกและ Beauty Store ชั้นนำกว่า 150 แห่ง เช่น watsons, Beautrium, EVEANDBOY, Konvy รวมทั้งใน 7-11 ด้วย ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลย้อนหลัง 8 ปี

  • ปี 2561 รายได้ 6.64 แสนบาท กำไรสุทธิ 1.45 แสนบาท
  • ปี 2562 มีรายได้ 6.39 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5.12 แสนบาท
  • ปี 2563 รายได้ 16.90 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3.19 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 13.21ล้านบาทกำไรสุทธิ 1.1 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 39.9 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1.65 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 401.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ108.1 ล้านบาท (เติบโตร่วม 1,000%)
  • ปี 2567 มีรายได้ 420 ล้านบาท กำไรสุทธิ 37.7 ล้านบาท

เตรียมตีตลาดพี่สาวจีน พร้อมเข้าตลาดหุ้นภายในปี 2571

เอมลินทร์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ปี 2566 มียอดขายสูงกว่า 400 ล้านบาท โตก้าวกระโดดร่วม 1000% และยอดขายยังสูงต่อเนื่องมาถึงปี 2567 เป็นผลจากยอดขายของสินค้าที่เป็น Product hero ที่เปิดตัวในปี 2566 คือ "บลัชดำ" หรือ BLACK MAGIC LIP & CHEEK PH BLUSH ที่ได้การตอบรับอย่างล้นหลาม ครองใจสาวๆ ที่ชอบนำเทรนด์ โดยสามารถทำยอดขายไปมากกว่า 1.5 ล้านชิ้น ขณะที่ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นยังคงได้รับความนิยม โดย LA GLACE MINI AIRY SKIN CONCEALER แบบซองสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 1.5 ล้านชิ้นเช่นกัน

ทิวาทัพพ์ กล่าวถึงเป้าหมายต่อไปว่าบริษัทมีแผนจะขยายตลาดไปยังต่างประเทศภายใน 3 ปีข้างหน้า คือ ตั้งแต่ปี 2569ถึง 2571 ได้แก่ ตลาดเพื่อบ้านและตลาดในเอเชีย รวมทั้งตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยหมุดหมายแรกที่จะออกไปคือ ฮ่องกง เพราะถือเป็นประตูสู่ลูกค้า Gen Z ชาวจีนแผ่นดินใหญ่

สำหรับในปี 2568 ได้ตั้งเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นแตะหลัก 1,000 ล้านบาท ขยายสินค้าให้ได้ 100 SKU ในปีนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม Skincare และ Mask sheet ต่อแบรนด์ได้เปิดตัว Product hero ตัวใหม่ คือ LA GLACE DAILY TONER PADS แผ่นบำรุงผิวหน้าก่อนแต่งหน้า ที่ได้สร้างกระแสฟีเวอร์ทันทีที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์และเปิดขายวันแรก จากการ Live เพียง 4 ชั่วโมง สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 31 ล้านบาท

โดยคาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะสามารถทำยอดขาย LA GLACE DAILY TONER PADS ได้ถึง 600-700 ล้านบาท เมื่อรวมกับยอดขาย "บลัชดำ" ที่ยังคงขายดีอย่างต่อเนื่องและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำยอดขายโดยรวมมากกว่าปีละ 300-400 ล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถไปถึงเป้าหมายได้ โดยสาเหตุที่ LA GLACE DAILY TONER PADS ได้การตอบรับอย่างดี เพราะ นวัตกรรมแผ่นผ้าสำลีที่อุ้มน้ำบำรุงผิวหน้าได้ถึง 20 เท่าของน้ำหนักที่เราถือลิขสิทธิ์จากเกาหลีใต้ แต่เพียงผู้เดียวในไทย

นอกจากนี้ยังตั้งเป้าว่าภายในปี 2571 ยอดขายทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะมียอดขายรวม 2,000 ล้านบาท จากทั้งในและต่างประเทศ โดยต้องการสร้างการเติบโตทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อย่างมั่นคงและยั่งยืนเพื่อเตรียมนำบริษัทระดมทุนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET)

โดยมีเป้าหมายในการขยายความแข็งแกร่งของธุรกิจ ทั้งในแง่ต้นทุน คุณภาพ ระบบหลังบ้าน การตลาด ภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ รวมถึงสามารถดึงคนเก่งๆ เข้ามาสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์และเพื่อหาโอกาสในการขยายการลงทุนร่วมกับแบรนด์ที่มีศักยภาพทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายพอร์ตของ LA GLACE ในฐานะบริษัทโฮลดิ้ง โดยปีนี้ได้เริ่มเตรียมวางระบบด้านการเงินและบัญชีต่างๆเพื่อเตรียมความพร้อมแล้ว ทิวาทัพพ์ กล่าวทิ้งท้าย 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ