โดม จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม ที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ “โดม เดอะสตาร์” คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุเพิ่งแตะหลัก 2 จากการเข้าประกวดร้องเพลงรายการ “เดอะสตาร์” และคว้าตำแหน่งแชมป์ซีซัน8 ได้ในปี 2555 ขณะอายุ 21 ปี
วันนี้...คุณโดมซึ่งโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงตั้งแต่นั้น กำลังมีอายุย่างเข้า 34 ปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งหมดที่มีขยับบทบาทสู่การเป็นผู้บริหารในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ (ร่วม) บริษัท LIT Entertainment จำกัด ซึ่งเขาร่วมก่อตั้งและถือหุ้นในสัดส่วน24% นำทัพ LIT Entertainment ค่ายเพลงน้องใหม่วัย 5 ขวบ ผลิตศิลปินกลุ่มแรก ก็ดังเป็นพลุแตกอย่าง “Pixxie”
จากคนเบื้องหน้ามาสู่วันที่ผันตัวเองเป็นคนเบื้องหลัง สนับสนุน ปลุกปั้นให้คนเบื้องหน้า “เจิดจรัส” ที่สุด คุณโดมกะเทาะความเป็นศิลปินไอดอลยุคใหม่ ที่คำว่า “ครบเครื่อง” อาจยังไม่พอ แต่ต้องมีออร่า“ถูกรัก” ได้โดยง่าย
ท่ามกลางสมรภูมิแข่งขันทะเลเดือด ค่ายเพลงผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด แถมใครๆก็เป็นนักร้องได้ จากเทคโนโลยีที่เอื้อให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างง่ายดาย ขณะที่อุตสาหกรรมเพลงยังขับเคลื่อนด้วยโจทย์เดิมชั่วกัปชั่วกัลป์ นั่นคือ “ต้องทำเพลงให้ดัง” การทำธุรกิจค่ายเพลง ณ วันนี้ ในฐานะคนวงในอย่างคุณโดมจึงอธิบายได้ด้วยประโยคที่ว่า “หากต้องการตัดขาดกับ
ใคร ให้ชวนเขาเปิดค่ายเพลง”
ในวัย 34 ปี คุณโดมคือหน้าละอ่อนแห่งแวดวงธุรกิจ แต่สำหรับแวดวงบันเทิง เขาเรียกตัวเองว่าเป็นคนยุคก่อน สมัยยังเรียนหนังสือ คุณโดมตระหนักถึงพรสวรรค์ด้านเพลง จึงมักขึ้นเวทีประกวดอยู่เสมอ มีทั้งสมหวังและผิดหวัง จนถึงจุดพีกเมื่อสามารถคว้าแชมป์เดอะสตาร์ซีซัน 8 ขณะยังศึกษาในคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยห่างหายจากวงการบันเทิงอีกเลย
ช่วงโควิดที่หลายคนว่าง คุณโดมถูกชักชวนจากเทพอาจ กวินอนันต์ ซึ่งเพิ่งเข้าไปซื้อหุ้น 100% ในค่ายเพลง LOVEiS ENTERTAINMENT และนิตา ชวลิต รุ่นพี่ที่ธรรมศาสตร์ ให้มาร่วมก่อตั้งค่ายเพลงใหม่ในเครือ LOVEiS
LIT ENTERTAINMENT คิกออฟในปี 2563 ด้วยความหมายพลังบวกแปลว่าจุดไฟในภาษาอังกฤษ เป็นคำแสลงที่หมายถึงเจ๋งเท่ หรือการพ้องเสียงกับคำว่า “ฤทธิ์” ในภาษาไทย ขณะนั้นคุณโดมยังติดสัญญากับแกรมมี่ ซึ่งไฟเขียวให้เขาลองเดินในเส้นทางใหม่ๆ LIT ถูกวางเป้าหมายเจาะกลุ่มผู้ฟังรุ่นใหม่และผลักดัน T-Pop ให้เติบโตต่อไป
...จากเบื้องหน้าสู่เบื้องหลัง คุณโดมเล่าว่า ต้องเรียนรู้ใหม่หมด ทำทุกอย่างที่ไม่เคยทำในฐานะศิลปิน เพราะมีคนทำให้มาตลอดตั้งแต่ออกกอง ขอสถานที่ ทำเพลง ทำเอ็มวี เพราะทั้งบริษัทมีกันแค่ 5 คน แต่ในที่สุดก็สามารถเปิดตัวศิลปินกลุ่มแรกของค่าย “Pixxie” (พิกซี่) เกิร์ลกรุ๊ป 3 คน ในเดือน ก.พ.2564 ซึ่งโควิดกำลังระบาดหนัก
แม้ “เด็ด (DED)” ซิงเกิลแรกจะไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้าง แต่ Pixxie เริ่มเป็นที่รู้จัก มีฐานแฟนคลับเพราะความสามารถในการใช้โซเชียลมีเดียเข้าถึงแฟนๆ พอซิงเกิล 2 “มูเตลู” ถูกปล่อยออกมา Pixxie จึงกลายเป็นดาวจรัสแสงทันที ตามมาด้วยเพลงฮิตติดหู ได้แก่ เกินต้าน, ไม่ได้ก็ไม่เอา, Dejayou, ชอบไปหมด และติดฝน
“สำหรับธุรกิจนี้เพลงยังเป็นอาวุธสำคัญแต่ทำเพลงให้ดัง ไม่ง่ายในยุคที่ค่ายเพลงกำลังปั้นศิลปินแบบไอดอล เพื่อตอบโจทย์การตลาดยุคใหม่ นอกจากเก่งแล้ว ไอดอลต้องเป็นคนที่ “ถูก” รักได้ง่ายจากคนทุกเพศบางคนเพอร์เฟกต์แต่ไม่มีเสน่ห์ให้คนรัก หน้าตาอาจไม่สำคัญอันดับต้นๆแต่ต้องมองสบายตา รู้จัก “Branding” ตัวเอง ใช้โซเชียลมีเดียเป็น”
นอกจาก Pixxie ปัจจุบัน LIT ENTERTAINMENTมีศิลปินในค่ายประกอบด้วย Bamm ซึ่งมีเพลงฮิตอย่างฉันจะฉาปเธอ, ใครเพื่อนแก, ดีดี้ x ดาด้า (DIDI x DADA) เจ้าของเพลงจังหวะตกหลุมรัก, พรู ธันวา (PROO Thunwa) และล่าสุด Sugar’N Spice (SNS)
ในยุคที่คนทำเพลง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์มือดี เป็นที่ต้องการตัวสูง เพราะใครๆก็อยากได้นักเสกเพลงดังมาร่วมงาน LIT จึงต้องกระจายความเสี่ยงด้วยการสร้างทีมนักแต่งเพลงขึ้นมา ผ่านการเปิดแคมป์ ระดมสมองเขียนเพลงเองเก็บไว้ในสต๊อก นอกจากการร่วมงานกับมือฉมังมากมาย อาทิ ธันวา เกตุสุวรรณ หรือฮาย วง PAPER PLANES
นับตั้งแต่ซิงเกิลมูเลตู ฉันจะฉาปเธอ เกินต้าน ไม่ได้ก็ไม่เอา ใครเพื่อนแก จังหวะตกหลุมรัก เปิดตัวสู่หูผู้ฟัง ความโด่งดังของเพลงเหล่านี้ ทำให้ LIT มีรายได้สม่ำเสมอและสามารถทำกำไรได้สำเร็จ ทั้งจากธุรกิจสตรีมมิ่ง, การใช้ลิขสิทธิ์เพลง และงานจ้างศิลปินในค่าย ซึ่งถูกเลือกเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าเพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 LIT มีรายได้มากกว่า 100ล้านบาท กำไรหลัก 10 ล้าน “เรายังพยายามจัดคอนเสิร์ตเพื่อให้น้องๆได้ขึ้นเวที เพราะนักร้องทุกคนฝันมีคอนเสิร์ตของตัวเอง แต่การจัดคอนเสิร์ตของค่าย LIT ยังทำกำไรไม่ได้สักที หากไม่ขาดทุน กำไรรวมของบริษัทน่าจะเติบโตมากกว่านี้”
จากวันแรกที่ถูกชักชวนให้มาร่วมทำค่ายเพลง คุณโดมสารภาพว่า ตอนนั้นยังคิดว่างานหลักคือการเป็นนักร้องและนักแสดง ส่วนการบริหารค่ายเพลง เป็นงานเสริมช่วงโควิด ผ่านไปเกือบ 5 ปี รายได้จากการบริหารและส่วนแบ่งกำไร ทำให้งานรองกลายเป็นงานหลักไปเรียบร้อย
คุณโดมปิดท้ายด้วยเป้าหมาย “Business on my way” ในฐานะคนปั้น“ดาว” ที่อดีตเคยเป็น “ดาว” ว่า อยากให้นักร้องเป็นอาชีพได้จริงๆ ยืนระยะให้ได้ “วงจรชีวิตของนักร้องอยู่ที่ประมาณ 10 ปี มีขึ้นมีลง เราไม่สามารถเป็นพี่เบิร์ด ธงไชยได้ทุกคน แต่สำหรับ LIT งานของเราคือการปั้นศิลปินให้เติบโตรอบด้าน หมดจากบทบาทนักร้อง ก็ยังสามารถทำงานด้านอื่นในระบบนิเวศอุตสาหกรรมเพลงได้ต่อ”.
เลดี้แจน
คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม