เปิดตำนานดราม่า 4 ตระกูลแชโบลเกาหลีใต้ สงครามสายเลือด เขย่าบัลลังก์เศรษฐกิจ

Business & Marketing

Corporates & Leadership

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เปิดตำนานดราม่า 4 ตระกูลแชโบลเกาหลีใต้ สงครามสายเลือด เขย่าบัลลังก์เศรษฐกิจ

Date Time: 11 ก.พ. 2568 16:48 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

แชโบล (Chaebol) คือกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในเกาหลีใต้ที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจสูง และมักจะถูกควบคุมโดยครอบครัวเดียวกัน ซึ่งจะมีการลงทุนข้ามธุรกิจที่แตกต่างกัน เพื่อกระจายความเสี่ยงและขยายธุรกิจไปในหลายภาคส่วน เช่น Samsung, Hyundai, SK Group และ Lotte แม้ว่าแชโบลจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่ก็มีปัญหาภายใน เช่น ความขัดแย้งในครอบครัว การทุจริต และการแย่งชิงอำนาจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของกลุ่มบริษัทเหล่านี้และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

Latest


ในเกาหลีใต้ “แชโบล” (Chaebol) หรือกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ควบคุมโดยครอบครัว มีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ แม้จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ก็มีมุมมองที่หลากหลายจากสาธารณชน

บางคนมองว่าแชโบลเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจเกาหลีใต้ โดยมีส่วนสำคัญในการสร้างงานและสนับสนุนการเติบโตของประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการผูกขาดทางเศรษฐกิจ การขาดความโปร่งใส และการมีอิทธิพลต่อการเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่เป็นธรรมในสังคม

นอกจากนี้ ความขัดแย้งภายในครอบครัวของแชโบล เช่น การต่อสู้เพื่ออำนาจและทรัพย์สิน ก็ได้รับความสนใจจากสื่อและสาธารณชน เพราะสะท้อนถึงความท้าทายในการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของสาธารณชน

ดังนั้น มุมมองของสาธารณชนต่อแชโบลในเกาหลีใต้จึงมีทั้งด้านบวกและลบ ขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล โดยกลุ่มแชโบลที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ได้แก่ SAMSUNG, HYUNDAI, SK Group และ LOTTE 

เปิด 4 ตระกูลเศรษฐีแชโบล (Chaebol) ยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้ที่บริหารงานโดยครอบครัวเดียวกัน แม้ดูเหมือนว่าการบริหารธุรกิจจะมีความราบรื่น แต่ในความเป็นจริง กลับพบความขัดแย้งที่ทำให้ธุรกิจเกิดความสั่นคลอนและมีผลต่อภาพลักษณ์ของผู้มีส่วนร่วมหรือแม้สายตาสาธารณชน

Samsung  : เทพนิยายในโลกธุรกิจ รักต่างชนชั้นที่จบลงด้วยการหย่า

ที่ต้องเรียกว่า “เทพนิยายในโลกธุรกิจ” ก็เพราะ เป็นการแต่งงานกันระหว่างลูกสาวมหาเศรษฐีอย่างอีบูจิน ทายาทของ Samsung ซึ่งเป็นตระกูลมหาเศรษฐีที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเกาหลีใต้ และ อิม อูแจ คนธรรมดาที่มาจากครอบครัวชนชั้นกลางและเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนจะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาใน Samsung  และได้ยุติชีวิตแต่งงาน 15 ปีลงในปี 2557 ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจรอมชอมกันได้

อย่างไรก็ตาม แม้การหย่าร้างจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในครอบครัวและความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในตระกูล Lee ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Samsung แต่ไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงต่อราคาหุ้นของ Samsung เพียงแต่อีบูจินอาจต้องขายหุ้นหรือปรับโครงสร้างสินทรัพย์ เพื่อนำเงินมาชดเชยอดีตสามี ซึ่งอาจกระทบต่ออำนาจภายในเครือ Samsung รวมถึงผลกระทบในด้านภาพลักษณ์ และความมั่นคงของการสืบทอดธุรกิจภายในครอบครัวแชโบล แต่ธุรกิจหลักของ Samsung Electronics ยังคงดำเนินต่อไปได้ด้วยความมั่นคง โดยมีอี เจยอง (Lee Jae-Yong ) ลูกชายของลี กุนฮี (Lee Kun-hee) ผู้ที่เป็นทายาทคนหลักในการบริหารงานบริษัท ซึ่งยังคงเป็นผู้บริหารและเป็นกำลังสำคัญในการตัดสินใจต่างๆ ในบริษัท

HYUNDAI  : ตำนานรักข้ามตระกูล สั่นคลอนอาณาจักรยานยนต์

เนื่องจากความซับซ้อนของสายสัมพันธ์ในครอบครัวที่เริ่มจากตระกูลจอง (Jung) ผู้ก่อตั้งฮุนได มีเรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งงานและการหย่าร้างที่ซับซ้อน ซึ่งเกี่ยวพันกับการแยกตัวของธุรกิจในเครือ เช่น Hyundai Group, Hyundai Motor, Hyundai Heavy Industries ฯลฯ โดยการแต่งงานภายในตระกูลบางครั้งก็มีบทบาทในการเชื่อมโยงและรักษาความมั่นคงของธุรกิจ แต่ก็มีกรณีที่นำไปสู่ความขัดแย้งและการแยกทาง

การแต่งงานและหย่าร้างที่สะเทือนโครงสร้างอำนาจของฮุนไดคือ จอง มยอง-จุน (Jung Myung-Joon) ทายาทตระกูลฮุนไดที่เคยแต่งงานกับทายาทของตระกูลแชโบลอื่นอย่างตระกูล Shin แห่ง Lotte ซึ่งเป็นการแต่งงานเพื่อเชื่อมโยงอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการหย่าร้าง

โดยหลังจากการหย่าร้างและความแตกแยกของสมาชิกครอบครัว นำไปสู่การแยกตัวของบริษัทในเครือของ Hyundai Motor Group และ Hyundai Heavy Industries ทำให้เห็นว่าการแต่งงานทางธุรกิจที่ไม่สมหวัง มักนำไปสู่การแตกแยกของอาณาจักรธุรกิจที่เคยเป็นหนึ่งเดียวกัน

ซึ่งนอกจากละครดราม่าแล้ว ยังพบว่า จอง มง-ฮุน (Jung Ming-Hoon) ลูกชายคนที่ห้าของผู้ก่อตั้งฮุนไดการล้มละลายของบริษัทและถูกสอบสวนในข้อหาโอนเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ไปยังเกาหลีเหนือโดยลับ เพื่อให้เกิดการประชุมสุดยอดระหว่าง คิม จองอิล ผู้นำเกาหลีเหนือ กับ คิม แดจุง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในขณะนั้นในเดือนมิถุนายน ปี 2000

แม้การหย่าร้างและความขัดแย้งภายในครอบครัวจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและการมุ่งเน้นที่การพัฒนาธุรกิจ ฮุนไดสามารถรักษาความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและลูกค้าได้ ส่งผลให้ธุรกิจยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

และล่าสุดในปี 2567 Hyundai Motor Group เผยความสำเร็จอีกขั้นในอินเดีย ตลาดรถยนต์อันดับ 3 ของโลก หลังยอดส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในอินเดียโตขึ้นต่อเนื่อง โดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ของการดำเนินงานในอินเดีย “Hyundai” บริษัทผู้ผลิตยานยนต์เจ้าใหญ่จากเกาหลีใต้ มียอดส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในอินเดียกว่า 3.6 ล้านคัน ออกสู่ 150 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market)

SK Group  : เรื่องอื้อฉาวสะเทือนบัลลังก์ธุรกิจ คดีหย่าแพงสุดในประวัติศาสตร์เกาหลี

อีกหนึ่งตระกูลแชโบลที่มีเรื่องอื้อฉาวและเป็นคดีฟ้องหย่าที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ระหว่างชเว แท วอน (Chey Tae-won) ประธานบริษัท SK Inc. กับ โน โซ ยอง (Roh Soh-yeong) บุตรสาวอดีตประธานาธิบดี โน แท อู แห่งเกาหลีใต้ เริ่มขึ้นในปี 2556 เมื่อชเวยอมรับกับสื่อว่า มีลูกนอกสมรส นำไปสู่คดีฟ้องหย่าที่ซับซ้อนและใช้เวลาหลายปี รวมถึงการต่อสู้เรื่องทรัพย์สิน กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ไม่เพียงกระทบต่อครอบครัว แต่ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของธุรกิจ

แม้ว่าคดีฟ้องหย่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างธุรกิจของ SK Group มากเท่ากับกรณีตระกูล Samsung หรือ Hyundai แต่ก็สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในช่วงที่มีข่าวฉาวออกมา เพราะเมื่อช่วงกลางปี 2567 

อย่างไรก็ตาม SK Group ยังคงรักษาความมั่นคงในธุรกิจโดยเน้นการขยายอุตสาหกรรมพลังงาน โทรคมนาคม และเซมิคอนดักเตอร์ เพราะ หุ้นของ SK Inc. ซึ่งเป็นกลุ่มแชโบลที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเกาหลีใต้รองจากซัมซุง พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 16%  ระหว่างการซื้อขายในวันที่ 30 พ.ค. 2567 ก่อนปิดตลาดที่เพิ่มขึ้น 9% การปรับตัวของราคาหุ้นคาดว่าเป็นผลมาจากข่าวดีเกี่ยวกับคำตัดสินของศาล โดยระบุให้ประธานบริษัท SK จ่ายค่าเลี้ยงดูและแบ่งสินสมรสน้อยลง

Lotte  :โศกนาฏกรรมแห่งสายเลือด ศึกแย่งชิงบัลลังก์ธุรกิจ 

จุดเริ่มต้นความรุ่งเรืองของอาณาจักร Lotte ที่ก่อตั้งโดยชิน คย็อก-โฮ (Shin Kyuk-ho) ชาวเกาหลีที่ไปสร้างธุรกิจในญี่ปุ่นก่อนจะขยายอาณาจักรกลับมายังเกาหลีใต้ อาณาจักรของ Lotte เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในแชโบลที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ มีธุรกิจครอบคลุมทั้งค้าปลีก โรงแรม อาหาร และอสังหาริมทรัพย์ ภาพลักษณ์ภายนอกดูมั่นคง แต่ภายในครอบครัว กลับมีความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างพ่อและลูกชาย

โดยจุดแตกหักเริ่มมาจากความขัดแย้งระหว่างสายเลือดสองพี่น้อง ชิน ตง-จู (Shin Dong-joo) ลูกชายคนโต และ ชิน ตง-บิน (Shin Dong-bin) ลูกชายคนเล็ก ที่ทั้งคู่ต่างต้องการควบคุม Lotte Group  ซึ่งพ่อของพวกเขาให้การสนับสนุนลูกชายคนโต แต่ฝ่ายลูกชายคนเล็กสามารถรวบรวมอำนาจและกลุ่มผู้บริหารมาสนับสนุนตนเอง  จึงนำไปสู่การทำรัฐประหารทางธุรกิจจากฝั่งลูกชายคนเล็ก เพื่อโค่นพ่อของตัวเองลงจากตำแหน่งประธาน และกีดกันพี่ชายออกจากบริษัท 

จากสายเลือดสู่ห้องพิจารณาคดี เมื่อการต่อสู้ของครอบครัว Lotte ไม่ได้จบลงแค่การแย่งชิงอำนาจภายในบริษัท แต่ลุกลามไปถึงการฟ้องร้องคดีความกันเองที่พี่ชายและน้องชายต่างกล่าวหากันเรื่องการใช้ตำแหน่งโดยมิชอบ และต่อสู้กันทั้งในศาลและในธุรกิจ  

ในปัจจุบัน Lotte Group อยู่ภายใต้การนำของ ชิน ดง-บิน (Shin Dong-bin) ที่กำลังดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต กลยุทธ์หลักประกอบด้วยการขายธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานต่ำและมุ่งเน้นการลงทุนในสี่ด้านการเติบโตใหม่ ได้แก่ เทคโนโลยีชีวภาพ เมตาเวิร์ส พลังงานไฮโดรเจน และแบตเตอรี่สำรอง 

อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งภายในครอบครัวยังคงมีอยู่ชิน ตง-จู (Shin Dong-joo) พี่ชายของชิน ดง-บิน (Shin Dong-bin) ได้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์กลยุทธ์ธุรกิจของน้องชาย และแสดงความตั้งใจที่จะกลับมามีบทบาทในการบริหาร Lotte อีกครั้ง 

ท้ายที่สุด โศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีผู้ชนะที่แท้จริง เพราะแม้ว่า Lotte จะยังคงอยู่ในฐานะแชโบลที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่ครอบครัว Shin สูญเสียไปนั้นมากเกินกว่าทรัพย์สินหรืออำนาจ แต่คือความไว้วางใจในครอบครัว และศักดิ์ศรีของตระกูลที่ไม่อาจกู้คืนได้  

แม้ว่าธุรกิจครอบครัวจะดูเหมือนมีความมั่นคงจากสายสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ในความเป็นจริง กลับเต็มไปด้วยความขัดแย้งที่ซับซ้อนจากผลประโยชน์และอำนาจที่ทับซ้อนกัน ความขัดแย้งในตระกูลแชโบลของเกาหลีใต้ เช่น Samsung, Hyundai, SK Group และ Lotte สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาภายในครอบครัวสามารถส่งผลต่อโครงสร้างธุรกิจ ภาพลักษณ์องค์กร และความเชื่อมั่นของนักลงทุน แม้ว่าหลายบริษัทจะสามารถปรับตัวและเติบโตต่อไปได้ด้วยการบริหารจัดการที่แข็งแกร่ง แต่เรื่องราวดราม่าของตระกูลเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่า “สายเลือด” ไม่ได้การันตีเสถียรภาพของธุรกิจเสมอไป

อ้างอิง  Forbes  Nikkei Asia  economist  straitstimes  Pulse


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ