หลังปิดเมืองนานกว่า 76 วัน ชาวเมืองอู่ฮั่นก็ได้มีโอกาสออกมาใช้ชีวิตแบบเกือบปกติแล้ว เมื่อ 3 วันก่อน คนทั่วไปอาจจะรู้จักอู่ฮั่นจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่จริงๆแล้ว ถ้าใครเป็นคอนิยายจีน ประเภทกำลังภายใน จะรู้ว่าสำนักวิชากำลังภายในที่มีชื่อเสียงอย่าง สำนักบู๊ตึ๊ง... อยู่ที่เมืองอู่ฮั่น...นี่เอง

เขาบู๊ตึ๊ง หรือ ทิวเขาอู่ตัง ตั้งอยู่ในมณฑลหูเป่ย เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอู่ฮั่น ในช่วงเวลาปกติ เพราะไม่ใช่แค่การเป็นสำนักวิชากำลังภายในเท่านั้น แต่เขาบู๊ตึ๊งคือต้นกำเนิดปรัชญาคำสอนของลัทธิเต๋าและวิชากังฟู แถมยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย

คนที่ไปเที่ยวเขาบู๊ตึ๊งไม่ได้ไปฝึกวิชากำลัง ภายใน ส่วนใหญ่จะขึ้นไปเพื่อเที่ยวชม แท่นหินหัวมังกร ซึ่งจะหันหน้าไปยังวิหารทองจินติ่งที่อยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตร ชาวจีนเชื่อว่าการได้ขึ้นไปปักธูปที่แท่นหินหัวมังกรถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิริมงคลเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดมีการประมูลเพื่อจะได้เป็นคนแรกของปีที่ได้สักการะและปักธูปที่แท่นหินหัวมังกรนี้ ในราคาสูงถึงหลักล้านหยวน ซึ่งก็มีเสียงเล่าลือว่า ในวันเปิดเมืองมีเศรษฐีชาวอู่ฮั่นประมูลขอขึ้นไปเป็นคนจุดธูปที่แท่นหินหัวมังกรเป็นคนแรก แต่ไม่ได้ระบุว่าราคาค่าประมูลเป็นหลักล้านหรือหลักแสนหยวน

...

มองจากแท่นหินหัวมังกรไปอีกด้านจะเห็น วิหารทอง ซึ่งถือว่าเป็นวิหารที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในลัทธิเต๋า ก่อสร้างโดยบัญชาของจักรพรรดิ หย่งเล่อ (จูตี้) แห่งราชวงศ์หมิง เป็นวิหารทองที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมจีนชั้นสูงในสมัยนั้น นอกจากความสง่างามแล้ว ตัววิหารยังมีความพลิ้วไหว ละเมียดละไม ที่ผู้คนซึ่งไปเยือนสัมผัสได้ด้วยตาและด้วยใจของตนเอง

ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐาน เทพเจ้าเจินหวู่ต้าตี้ หรือ เจ้าพ่อเสือ ที่ผู้คนจากทุกสารทิศนิยมขึ้นไปกราบไหว้ขอพร และในวันที่ฟ้าเมืองอู่ฮั่นเปิด ชาวจีนจำนวนไม่น้อยได้ขึ้นไปที่วิหารทอง เพื่อสักการะองค์เจินหวู่ต้าตี้ โดยเชื่อว่าท่านได้ช่วยปัดเป่าเชื้อโรคร้ายออกไปจากเมือง

โดยรอบบริเวณหุบเขาบู๊ตึ๊ง มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ตำหนักหนานเหยียน ที่สร้างในสมัยราชวงศ์หยวน และมีการปรับปรุงในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง ความโดดเด่นของตำหนักนี้คือการนำหินเขียวมาสร้าง โดยมีความหมายถึง หยิน หรือผู้หญิง ที่เป็นสัญลักษณ์ของสายน้ำ ต่อมาจึงมีการให้นักพรตชาย ที่เป็นสัญลักษณ์ของไฟ เข้ามาพักในตำหนัก เพื่อให้เกิดสมดุล เช่นเดียวกับ วิหารเอกจื้อเสี่ยวกง ที่มีลักษณะของพื้นที่เป็นหยาง จึงต้องให้นักพรตหญิงเข้ามาพำนัก เพื่อความเป็น หยิน และ หยาง ที่สมบูรณ์

หลายคนอาจจะคุ้นตากับหลายพื้นที่ในบริเวณตำหนักหนานเหยียน เพราะเป็นฉากถ่ายทำหนังจีนกำลังภายในหลายเรื่อง รวมทั้ง ตำหนักจือเซียงกง หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า ตำหนักเมฆม่วง ที่มีอายุเก่าแก่ร่วมพันปี และมีฮวงจุ้ยที่ดีเยี่ยม ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ต่อมาสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อก็ดำริให้สร้างและซ่อมแซมเขาบู๊ตึ๊ง จึงทำให้ตำหนักเมฆม่วงเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่ได้รับการบูรณะไปด้วย และกลายมาเป็นอารามหลวงในสมัยราชวงศ์หมิง ตำหนักนี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ มีไว้สำหรับฮ่องเต้เพื่อมาทำพิธีขอพร

นี่คือสถานที่สำคัญๆบนหุบเขาบู๊ตึ๊ง ซึ่งปราศจากจอมยุทธ์ ในนิยายของกิมย้ง...มีแต่ความเข้มขลังที่สร้างพลังให้กับคนอู่ฮั่น

...

จากยอดเขาเข้าสู่เมืองอู่ฮั่นในยามปกติ เป็นเมืองเอกและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลหูเป่ย ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 3,500 ปี มีประชากรประมาณกว่า 8 ล้านคน เป็นเมืองที่อยู่ตอนกลางของจีน จะเดินทางจากเหนือลงใต้ หรือใต้ขึ้นเหนือ ก็ต้องผ่านอู่ฮั่น และยังเป็นเส้นทางผ่านของแม่น้ำหลักสองสาย คือ แม่น้ำแยงซีเกียง และ แม่น้ำฮั่นซุย

อู่ฮั่นเป็นที่ตั้งของ หอนกกระเรียน หรือ หอกระเรียนเหลือง หอที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของจีน มีลักษณะเป็นอาคารหอสูง 5 ชั้น อยู่ริมฝั่งแม่น้ำฉางเจียง สร้างในสมัยสามก๊ก ใช้เป็นหอสังเกตการณ์ข้าศึก ที่เรียกว่าหอนกกระเรียน ก็เพราะภายในหอตกแต่งด้วยกระเบื้องรูปนกกระเรียน ถือเป็นจุดชมวิวชมเมืองที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง

อีกที่คือ พิพิธภัณฑ์มณฑลหูเป่ย สถานที่จัดแสดงสมบัติอันล้ำค่าของมณฑลหูเป่ย กว่า 200,000 ชิ้น ทั้งเครื่องเคลือบ หยก เครื่องประดับ และอาวุธต่างๆ รวมทั้งแถวของระฆังเปียนจง เครื่องดนตรีประวัติศาสตร์ที่สร้างถวายเป็นเกียรติแด่องค์จักรพรรดิ

ในอู่ฮั่นมีสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงถึง 7 สะพาน แต่ที่เป็นไฮไลต์เห็นจะเป็น สะพานหยางซื่อก่าง เป็นสะพานแขวน 2 ชั้น ทอดตัวพาดข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ซึ่งมีช่วงสะพานยาวที่สุดในโลก โดยช่วงสะพานยาวถึง 1,700 เมตร ส่วนความยาวทั้งหมดอยู่ที่ 4.13 กิโลเมตร ชั้นบนเป็นถนน 6 เลน มีทางเดินริมสะพานกว้าง 2 เมตร สำหรับชมวิวทิวทัศน์ทั้งสองฝั่ง ส่วนชั้นล่างเป็นถนน 6 เลน มีทางจักรยานไฟฟ้ากว้าง 2.5 เมตร จำนวน 2 เลน ควบคู่กับทางเดินเท้ากว้าง 1.5 เมตร จำนวน 2 เลน...อะเมซิ่งแบบ สุดๆเลยละ

ส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาว เห็นจะเป็น ทะเลสาบตงหู หรือทะเลสาบตะวันออก ที่ในช่วงฤดูหนาวจะมีดอกซากุระให้ชมสวยงามเหมือนญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ส่วนถ้าจะจับจ่ายใช้สอย ช็อปปิ้ง ต้องที่ ถนนคนเดินเจียงฮั่น และ ถนนฉู่เหอฮ่านเจีย ที่มีทั้งร้านแบรนด์เนมหรูหรา และร้านขายสินค้าพื้นเมืองราคาย่อมเยา รวมถึงอาหารสไตล์อู่ฮั่นที่มีให้เลือกชิม

เอาเป็นว่า ถ้าโควิด-19 สงบราบคาบเมื่อไหร่ “อู่ฮั่น” น่าจะเป็น New Destination ของนักเดินทางจากทั่วโลก...แน่นอน!!