ปลุกตำนานความยิ่งใหญ่ของ “ปาร์คนายเลิศ” ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อทายาทรุ่นที่ 4 ของนายเลิศกรุ๊ป “เล็ก-ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร” ทุ่มงบกว่า 6,000 ล้านบาท สร้างโรงแรมหรูใจกลางเมือง “อมันนายเลิศ กรุงเทพ” ท่ามกลางสวนสวยอายุเก่าแก่ 114 ปี ภายในอาณาบริเวณของปาร์คนายเลิศ เพื่อให้เป็นโรงแรมและเรสซิเดนซ์ระดับเวิลด์คลาส ที่หนุนส่งให้มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของตระกูลนายเลิศได้รับการสืบสานและต่อยอดให้เจิดจรัสกว่าเดิม “เดิมเรามีที่ดิน 35 ไร่ ตัดขายให้กลุ่มดุสิตเวชการเพียง 15 ไร่ คือ อาคารโรงแรมบางส่วน, อาคารออฟฟิศทาวเวอร์ และสิ่งปลูกสร้างรอบอาคาร แต่สมบัติสำคัญของตระกูลคือ บ้านปาร์คนายเลิศ และสวนขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 20 ไร่ ซึ่งสร้างตั้งแต่ปี 2458 ยังเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวสมบัติศิริตามเจตนารมณ์คุณยาย (ท่านผู้หญิงเลอศักดิ์ สมบัติศิริ) หลังจากเราขายโรงแรมไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เล็กยังรักและคิดถึงธุรกิจนี้ ไม่ใช่แค่รักอย่างเดียว แต่คุณยายพูดเอาไว้ก่อนเสียว่า เล็กต้องเก็บปาร์คนายเลิศไว้ ต้องทำปาร์คนายเลิศให้ครบการกินอยู่หลับนอน เล็กคิดอยู่ตลอดว่ายังอยากทำธุรกิจโรงแรม เพราะเล็กโตมาในโรงแรม ชอบการบริการ ชอบเห็นคน ชอบความวุ่นวายของธุรกิจโรงแรม พอเราขายโรงแรมไป เล็กคุยกับแม่ว่าขอทำโรงแรมใหม่ได้ไหม แม่บอกว่าโอเคได้ แต่ให้หาเชนโรงแรมที่เหมาะกับเราแล้วกัน คำพูดง่ายๆ ของแม่ มันไม่ได้ง่ายเลยนะ ไปหาเชนที่เหมาะกับเราแล้วกัน เพราะโรงแรมมันมีทั่วไปหมด และในกรุงเทพฯก็มีครบเกือบทุกแบรนด์ แต่เชนไหนล่ะที่เหมาะกับเรา เราคือใคร เราก็คือครอบครัวคนไทย ชอบในคุณภาพ ไม่ชอบอะไรเยอะๆ จำนวนห้องเยอะๆเหมือนแต่ก่อน ไม่เอาแล้ว เราอยากได้อะไรที่พอดีตัว บริหารจัดการได้ เราชอบความเป็น personalized tailor-made ฉะนั้นโรงแรมก็ไม่ควรจะเป็นเชนใหญ่ๆ หรือจำนวนห้องเยอะๆ เหมือนสมัยก่อน แม่ไฟเขียวให้ทำโรงแรม โดยให้ที่ตรงคอร์นเนอร์นี้ของซอยสมคิด ประมาณ 2-3 ไร่”...ประธานบริหารนายเลิศกรุ๊ป บอกเล่าถึงภารกิจใหญ่ในฐานะหัวเรือสำคัญ ที่รับช่วงสานต่อธุรกิจหลายหมื่นล้านของครอบครัว เพื่อสืบสานเกียรติภูมิของตระกูลนายเลิศ อะไรทำให้ตัดสินใจเลือกเครืออมันเล็กคิดทบทวนค่อนข้างเยอะ แล้วมันมีอยู่แบรนด์เดียวที่อยู่ในใจเล็ก เล็กไม่รู้จักเจ้าของ แต่ชอบในเครืออมัน (AMAN) ตั้งแต่ตอนไปพักที่ “อมันปุรี ภูเก็ต” เล็กพยายามหาเพื่อนที่รู้จักเจ้าของคือ “คุณวลาด โดโรนิน” ติดต่อไปหาเขา เขาก็สนใจอยากเปิดโรงแรมในกรุงเทพฯ เพราะเครืออมันมีที่ภูเก็ตแห่งเดียว และเปิดตั้งแต่ 37 ปีที่แล้ว เขาให้ส่งมาสเตอร์แพลนต่างๆไปทางอีเมล เล็กบอกว่าเล็กไม่ส่งนะคะ ขอเชิญบินมาที่นี่ได้ไหม เพราะเล็กไม่สามารถโชว์ความเป็นปาร์คนายเลิศบนกระดาษแผ่นเดียว ขอเชิญเขามาเป็นแขก เขาคงงงมั้ง แต่ก็บินมาเจอ แล้วก็ตกลงกันได้ภายในวันนั้นเลยว่าจะทำโรงแรมและเรสซิเดนซ์ด้วยกัน ปกติเครืออมันจะคอนเซนเทรตเรื่องโลเกชันมาก ถ้าเกิดไม่ดีจริงไม่ยูนิคจริงจะไม่เปิด พอเขามายืนอยู่ตรงนี้ปุ๊บ ได้มาเห็นบ้านปาร์คนายเลิศ ได้มาเจอครอบครัวเล็ก ทำให้รู้ว่าเรามีดีเอ็นเอคล้ายกัน ชอบอะไรที่มีคุณภาพเหมือนกัน เล็กชื่นชมเขาก็เพราะเขามาดูรายละเอียดเองหมด แล้วเขาเห็นว่าเล็กก็ดูรายละเอียดเองหมด วิชั่นการทำงานมันคล้ายคลึงกัน เราคุยภาษาเดียวกัน และมีเอเนอร์จีเดียวกัน ทายาทธุรกิจโรงแรมหมื่นล้านเติบโตมาแบบไหน ชีวิตของเล็กเกิดและโตที่นี่ ตอนเด็กคิดว่าโรงแรมของเราคือบ้าน ที่มีห้องอยู่หลายห้องมาก ทำไมต้องจัดวันเกิดมีละครลิงที่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ พอโตขึ้นเริ่มเข้าใจว่านี่คือธุรกิจของที่บ้าน ไปเมืองนอกเรียนจบการบริหารโรงแรม เล็กกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้าน แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าหน้าที่การงานจริงๆของเราคืออะไร เหมือนเล็กมาทำงานที่โรงแรม แต่จริงๆแล้วไม่ได้ทำหรอก เพราะสมองยังไม่มา (หัวเราะ) คุณยายส่งไปฝึกงานแผนกแม่บ้าน แต่ไม่เวิร์ก เพราะเป็นลูกเจ้าของ พวกพนักงานไม่กล้าใช้ คุณแม่เลยส่งไปฝึกงานที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ สิงคโปร์ 6 เดือน เขาใช้เราทุกอย่าง ถึงได้รู้ว่าจริงๆแล้วมันโหดขนาดไหน งานโรงแรมไม่ใช่สวยงามเดินแฟชั่นโชว์ หลังกลับจากสิงคโปร์ก็ค่อยๆมาทำงานเต็มตัว ลงดีเทลทุกอย่าง ตั้งแต่เสิร์ฟอาหารในคอฟฟีช็อป ไปจนถึงจัดซื้อ คุณยายบอกเสมอว่าการที่เราจะเป็นเบอร์หนึ่งได้ คุณต้องรู้จักงานตั้งแต่ข้างล่างก่อน เล็กก็เริ่มอิน จากตอนแรกที่ไม่ได้ชอบมาก คิดแค่ว่าเป็นลูกเจ้าของโรงแรม ชีวิตสวยหรูมีกาแฟกิน แต่ถามตอนนี้เล็กบอก เลย ว่า ถ้าไม่รักจริงๆอย่ามาทำธุรกิจโรงแรม วันนี้ เล็กพูดได้เพราะรู้จริง การเป็นเบอร์หนึ่งที่ดีต้องรู้ให้จริง ต้องลงมาทำเอง ไม่ใช่ชี้นิ้วสั่ง หลังคุณยายเสียชีวิตเล็กก็เข้ามาทำงานโรงแรมเต็มตัว เป็นช่วงที่เที่ยวจนเบื่อแล้ว อิ่มตัวกับการเที่ยวเอง โดยไม่มีใครมาสั่งเล็ก เล็กเป็นคนเอกซ์ตรีม ใช้ชีวิตเต็มที่เที่ยวเต็มที่ เมื่อทำงานก็ต้องเต็มที่ คุณเล็กมีบทบาทเยอะไหมในการพัฒนา “อมัน นายเลิศ กรุงเทพ”เล็กไม่เคลมว่าเล็กเก่งเรื่องโรงแรม เพราะที่ผ่านมาเป็นผลงานของคุณยาย, คุณป้า และคุณแม่ แต่ “อมัน นายเลิศ กรุงเทพ” เป็นโปรเจกต์แรกเต็มตัวของเล็ก ที่เล็กต้องสร้างและดูรายละเอียดการก่อสร้างเองทั้งหมด ซึ่งไม่เคยสร้างอะไรมาก่อนเลย เคยสร้างแค่ตึก 3 ชั้น ตอนทำโรงเรียนสอนศิลปะการทำอาหาร “เอกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ” แต่นี่มันตึก 36 ชั้น มันสเกลต่างกันเยอะ ธุรกิจก็คนละแบบ ทีมงานก็ต้องมากขึ้น แล้วยังทำกับแบรนด์ใหญ่อย่างเครืออมัน ซึ่งเขาก็มีความยูนิคเฉพาะตัวและมีสแตนดาร์ดสูง งานนี้เล็กต้องเรียนรู้เยอะมากๆ แต่เล็กชอบความท้าทายแบบนี้ ชอบที่จะได้เจออะไรใหม่ๆ และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆทุกวัน ตอนแรกเล็กยังอ่านแบบแปลนไม่เป็นเลย ต้องปรึกษาแม่ ซึ่งแม่เก่งเรื่องแบบแปลนมาก แม่นี่จะออกแบบอะไรๆเก่งมาก แม่ก็จะช่วยคุยกับเจ้าของเครืออมัน และดีไซเนอร์ผู้ออกแบบ “คุณฌอง-มิเชล กาธีย์” ส่วนเล็กดูเรื่องฟังก์ชันการใช้งาน, โฟลว์ความลื่นไหลต่างๆภายในโรงแรม และการทำงานของหลังบ้าน โดยทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในแต่ละส่วน โปรเจกต์นี้เป็นเหมือนธุรกิจครอบครัวที่มีคนจำนวนน้อยระดับหัวกะทิมารวมกัน มีแม่ มีเล็ก แล้วก็มีผู้รู้ในแขนงต่างๆรวมแล้วไม่ถึง 10 คน ผสานมรดกความเป็นปาร์คนายเลิศเข้าไปในส่วนไหนบ้าง เราใส่ความเป็นบ้านปาร์คนายเลิศเข้าไปทุกจุด ทั้งโรงแรมจะมีกลิ่นอายความเป็นไทย และความเป็นปาร์คนายเลิศ ถามว่าไทยแบบไหน เราเป็นไทยแบบไทม์เลส อยู่ได้ทุกยุคทุกสมัย มันคลาสสิกจริงๆแม้เวลาจะผ่านไปร้อยกว่าปี ดีไซเนอร์ขึ้นไปบนบ้านปาร์คนายเลิศเป็นเดือนนะคะ ไปศึกษาดีเทลต่างๆ เพื่อถ่ายทอดออกมาเป็น “โรงแรมอมัน นายเลิศ กรุงเทพ” อย่างที่ล็อบบี้ชั้น 9 ผลงานศิลป์จากลูกข่างเซรามิก 3,000 ชิ้น จัดเรียงเป็นเลขหนึ่งไทย ก็เป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นผู้บุกเบิกของนายเลิศ และสื่อถึงที่อยู่ของโรงแรมคือเลขที่ 1 ซอยสมคิด หรือพื้นไม้ในโรงแรมได้แรงบันดาลใจจากบ้านไม้เรือนไทยหลังเก่าของนายเลิศ ขณะที่ “1872 เลานจ์บาร์” ตั้งชื่อตามปีเกิดของนายเลิศ ผนังตกแต่งด้วยแผงไม้แกะสลักงานฝีมือจากเชียงใหม่ โอบล้อมหนังฉลุลวดลายก้อนเมฆ ถ่ายทอดเสน่ห์ของศิลปะหนังใหญ่ อีกหนึ่งจุดที่เป็นต้นกำเนิดของโครงการนี้คือ “ต้นสมพง” ไม้ยืนต้นอายุเก่าแก่กว่า 120 ปี ก็อยู่กับที่นี่มานาน ตอนก่อสร้างผู้รับเหมาคือ “ไทย โอบายาชิ” เกาหัวเลย เพราะเล็กทำประกันต้นสมพงไว้หลายสิบล้านบาท ถ้าเกิดต้นไม้นี้ล้มไปหรือตายไประหว่างก่อสร้าง “ไทย โอบายาชิ” ก็จะตายด้วยค่ะ เค้าอยู่ตรงนี้มา 120 ปีแล้ว สูง 33 เมตร เราต้องล้อมเค้าไว้ คุณยายสั่งว่าต้นไม้ทุกต้นที่นี่ตัดไม่ได้ มีแต่ย้ายได้ แต่ต้นสมพงเค้าสูงเกินไปและใหญ่เกินไปที่จะย้าย ฉะนั้น เราก็ล้อมเค้าไว้ระหว่างก่อสร้าง แล้วให้ดีไซเนอร์หาทางผสมผสานการออกแบบ เพื่อให้ต้นสมพงได้เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม ซึ่งสูงมาถึงชั้น 9 บริเวณสระว่ายน้ำของโรงแรม เล็กอยากให้ใส่โปรแกรมเดินชมบ้านปาร์คนายเลิศในแพ็กเกจเข้าพักของโรงแรมด้วย การสร้าง “อมัน นายเลิศ กรุงเทพ” คือความท้าทายที่คุ้มค่าขนาดไหนเครืออมันเน้นความเป็นโลคัลของเมืองในแต่ละประเทศ ซึ่ง “อมัน นายเลิศ กรุงเทพ” ได้นำเรื่องราวประวัติศาสตร์ของบ้านปาร์คนายเลิศผสานกลิ่นอายความเป็นไทยแบบไร้กาลเวลา ผนวกเข้ากับความทันสมัยของกรุงเทพฯในยุคปัจจุบัน เล็กรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้นำชื่อของนายเลิศ เข้าไปอยู่รวมกับชื่อของอมัน เล็กภูมิใจที่ได้สืบสานและถ่ายทอดมรดกของนายเลิศ เพื่อให้ “อมัน นายเลิศ กรุงเทพ” ออกมาดีเลิศที่สุด โปรเจกต์นี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของปาร์คนายเลิศ และเป็นก้าวที่ใหญ่ด้วย เล็กดีใจที่ได้กลับมาทำธุรกิจโรงแรมอีกครั้ง คุณยายเป็นคนแรกที่เอาฮิลตันเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 45 ปีที่แล้ว เล็กดีใจที่ได้สานต่อตำนานของคุณยาย ทำงานหนักขนาดนี้เอาเอเนอจีมาจากไหน คนชอบถามว่าทำงานหนักขนาดนี้ไม่เหนื่อยเหรอ เห็นยุ่งวุ่นวายทั้งวันไปเอาพลังมาจากไหน เล็กไม่ได้เห็นว่าตรงนี้มันเป็นงาน เล็กซึมซับเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก เล็กเห็นแม่ทำงาน เล็กเห็นป้าทำงาน เล็กเห็นคุณยายทำงานมาทั้งชีวิต งานคือชีวิต!! เล็กแยกไม่ออกว่าอะไรคืองาน อะไรคือชีวิต อะไรคือพักผ่อน บางทีสิ่งที่เราทำแล้วเอนจอยมันไม่เหมือนการทำงาน คืออาจจะฟังดูแปลก แต่เล็กแยกไม่ออกจริงๆ เล็กโชคดีมากที่ห้องทำงานของเล็กคือธรรมชาติ คือสวนปาร์คนายเลิศ ทำให้ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ คุณยายสอนเล็กว่าเท้าต้องติดดิน ให้เอาเท้าไปเดินบนดินบ้าง อยู่กับต้นไม้บ้าง ให้เอาตัวเองไปอยู่กับธรรมชาติ เล็กดีใจที่พนักงานบางคนบอกว่า คุณน้องเล็กเหมือนต้นไม้ของเขา เล็กตัวเล็กมาก แต่เล็กเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ต้องแผ่กิ่งก้านสาขาให้ทุกคนได้มาอยู่ในร่มเงา เล็กภูมิใจมาก แล้วก็รู้สึกเติมเต็มชีวิตตัวเอง ถามว่าเหนื่อยไหมคงเหนื่อยแหละ แต่ไม่ได้คิดว่าเหนื่อย เล็กเป็นคนไม่ค่อยคิดมากคิดเยอะ เวลาหิวเล็กก็กิน เวลาเหนื่อยเล็กก็นอน ถ้าเกิดคิดอะไรไม่ออกก็พักไว้ก่อน แต่จดไว้นะว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรบ้าง ถ้าเกิดคิดไม่ออกก็ค่อยกลับมาคิดใหม่ เล็กโชคดีที่แม่เล็กมีคอมมอนเซนส์ที่ดี แถมยังคิดเร็ว, ใช้ชีวิตเป็น และรสนิยมเขาดี ที่สำคัญแม่ไม่ใช่คนเวิ่นเว้อ พูดอะไรแล้วทำได้จริง ฉะนั้นเวลาติดขัดอะไรจะนึกถึงแม่เป็นคนแรก อะไรคือความสุขของคุณเล็กในวันนี้เล็กโชคดีที่ได้เกิดมาในครอบครัวนายเลิศ ครอบครัวให้อิสระกับสิ่งที่เล็กจะทำและสิ่งที่เล็กเป็น เล็กยังอยากทำอะไรอีกเยอะ แต่ขอโฟกัสตรงนี้ให้ดีก่อน เพราะไม่อยากทำอะไรเกินตัว เล็กยังเด็กอยู่เนอะ เล็กยังมีพลังยังมีเรี่ยวแรงอีกเยอะ แล้วเล็กก็ไม่อยากหยุดนิ่งอยู่แค่นี้ อยากจะทำให้นายเลิศกรุ๊ปเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ.ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่