ย้อนกลับไปในปี 2562 มีทีมวิจัยจากสถาบันหลายแห่งในจีนและในออสเตรีย สังเกตเห็นสันเขาเป็นรูปวงกลมในภูเขาที่มณฑลเฮยหลงเจียง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ดูแล้วก็คล้ายแอ่งขนาดใหญ่ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วทีมได้ดูภาพดาวเทียมใหม่ๆของพื้นที่ดังกล่าว ก็ทำให้เชื่อมั่นมากขึ้นว่านั่นคือหลุมอุกกาบาตที่เกิดจากการโจมตีของดาวเคราะห์น้อย พวกเขาจึงเตรียมการศึกษาอย่างใกล้ชิด
จากการศึกษาแกนกลางพบว่า ก้นหลุมอุกกาบาตเป็นตะกอนจากทะเลสาบโบราณ โดยต่อมากลายเป็นหนองน้ำ ด้านล่างเป็นชั้นหินแกรนิตหนา 319 เมตร พร้อมด้วยหินเนื้อผสมและเศษหินแกรนิต อันเป็นหลักฐานของพื้นหินที่แตกเป็นเสี่ยงๆจากการปะทะชนที่ทรงพลังมาก นอกจากนี้ยังพบวัสดุหลอมเหลว เช่น ลูกแก้วเป็นเม็ดพุพอง หรือรูปหยดน้ำ ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้จะต้องใช้อุณหภูมิสูงจึงจะก่อตัวในขณะที่หลอมเหลวแล้วเย็นลงในแหล่งกำเนิด อีกทั้งยังพบการเสียรูปในแร่ควอตซ์ตามท้องถิ่น และเมื่อนำทุกหลักฐานมาพิจารณารวมกันก็ชี้ชัดเจนว่านี่คือหลุมอุกกาบาตที่เกิดขึ้นจากการชนของดาวเคราะห์น้อย
นักวิจัยระบุว่า ปากหลุมมีความกว้างประมาณ 1.85 กิโลเมตร แม้ว่าขอบด้านใต้ของหลุมจะทรุดไปจนเหลือสภาพเป็นหลุมรูปพระจันทร์เสี้ยว ทว่าขอบที่จุดที่สูงที่สุดนั้นสูงประมาณ 152 เมตร จากการหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีในพื้นที่และตะกอนในทะเลสาบเก่า ก็บ่งชี้ว่าหลุมอุกกาบาตนี้ก่อตัวขึ้นเมื่อ 46,000-53,000 ปีก่อน ตรงกับช่วงเวลามนุษย์ยุคใหม่ตอนต้นหรือเครือญาติสายพันธุ์มนุษย์อื่นๆที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ สามารถเห็นการชนได้ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยไม่อาจระบุขนาดของดาวเคราะห์น้อยที่สร้างหลุมอุกกาบาตได้.