รู้จักโลโฟโฟร่า (Lophophora) แคคตัสสายพันธุ์ยอดนิยมมาแรง รูปทรงซาลาเปาน่ารัก ออกดอกด้านยอด ต้นกลม เป็นกระบองเพชรไร้หนามที่มีประวัติยาวนาน และมีคุณสมบัติเป็นยาบรรเทาปวดใช้ในเขตพื้นที่ Rio Grand ชนพื้นเมืองโบราณของอเมริกา 

ประวัติของโลโฟโฟร่า (Lophophora)

กระบองเพชรสายพันธุ์นี้เริ่มต้นเป็นที่รู้จักในปี ค.ศ. 1638 พบจากบันทึกของ Hernandez นักธรรมชาติวิทยาในสมัยพระเจ้าฟิลิปส์ที่ 2 ของสเปน โดยให้ชื่อว่าเปโยติ ซากาเตนซิส (Peyoti zacatensis.) และในปี ค.ศ. 1845 Charles Lamaire นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส เป็นผู้แรกที่ตีพิมพ์คุณสมบัติพืชชนิดนี้ ในชื่อ Echinocactus williamsii ซึ่งปรากฏภาพวาดในนิตยสาร Curtis’s Botanical Magazine ในปี ค.ศ. 1847

ต่อมาในปี ค.ศ. 1872 S. Voss เป็นผู้เปลี่ยนอนุกรมวิธานของ Peyote เป็น Anhalonium williamsii หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1891 John Coulter นักพฤกษศาสตร์ชาวอเมริกัน ได้จัดกลุ่มย้ายสกุล Peyote ไปอยู่ในสกุล Mammilaria เท่านั้นยังไม่พอ ในปี ค.ศ. 1894 S.Voss ได้ย้ายพืชสายพันธุ์นี้ไปอยู่ในสกุล Ariocarpus. จึงเกิดความสับสน

...

ตลอดปี ค.ศ. 1894 John Coulter ได้ศึกษาอนุกรมวิธานของกระบองเพชรสายพันธุ์นี้อย่างพิถีพิถันมากขึ้น และจัดอนุกรมวิธานใหม่ พร้อมให้คำบรรยายชื่อสกุลใหม่เป็น Lophophora โดยชื่อนี้มาจากภาษากรีก คำว่า Lophos หมายถึงยอด หรือหงอน และ Phoreus หมายถึงกระจุก เมื่อรวมกันก็มีความหมายแสดงถึงลักษณะที่พบกระจุกบนยอดตุ่มแต่ละอัน

ลักษณะโลโฟโฟร่า (Lophophora)

Lophophora williamsii
Lophophora williamsii

ลำต้นของโลโฟโฟร่ามีลักษณะเป็นทรงกลม ผิวนุ่มนิ่ม บางคนเรียกว่า “ซาลาเปา” ดอกของโลโฟโฟร่าจะขึ้นมาเป็นกระจุกอยู่ด้านบนสุดของลำต้น สีดอกขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ลักษณะฝักเป็นแท่งยาว รี

โลโฟโฟร่า (Lophophora) เดิมไม่ได้เลี้ยงไว้ดูสวยงาม

Lophophora williamsii
Lophophora williamsii

ในอดีตก่อนคริสตกาลพบการใช้ Lophophora williamsii. เป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมสื่อสารกับวิญญาณ ชาวพื้นเมืองอเมริกันทางเหนือใช้เสพ มีเรื่องเล่ากันว่า Tarahumara หรือชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิม พกกระบองเพชร Peyote ไว้ในกระเป๋าสัมภาระเล็กๆ เพื่อใช้ต่อสู้กับความเจ็บปวด และความหิวกระหาย ระหว่างออกเดินทางล่าสัตว์หลายวัน โดยไม่พัก

นอกจากนี้ยังมีชนเผ่าอื่นๆ ใช้เสพกระบองเพชร Peyote หรือ Lophophora แบบผงผสมน้ำ เพื่อชำระร่างกายให้บริสุทธิ์ตามความเชื่อ และใช้เคี้ยวเพื่อทาภายนอก ป้องกันบาดแผลไฟไหม้ กระดูกหัก งูกัด รวมถึงใช้เป็นยารักษาอาการท้องผูก ปวดไขข้อ และเป็นยาบำรุงทั่วไป

การแพทย์แผนโบราณที่ใช้กระบองเพชรสายพันธุ์นี้รักษา พบว่ามีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียหลายชนิด รวมถึงแบคทีเรียสายพันธุ์ที่ดื้อยาเพนนิซิลิน (Penicillin) จากคุณสมบัติยับยั้งอาการปวด จึงพบว่าถูกนำไปใช้ประโยชน์กับการรักษาบรรเทาปวดหลายด้าน เช่น อาการปวดฟัน, อาการเจ็บปวดจากการคลอดบุตร รวมถึงมีการประยุกต์ใช้กับการเรียกน้ำนม

โลโฟโฟร่า (Lophophora) เลี้ยงยังไงให้รอด

...

การปลูกโลโฟโฟร่า (Lophophora) ในบางประเทศจัดอยู่ในยาเสพติด มีการควบคุมตามกฎหมาย และในหลายประเทศปลูกเลี้ยงกันเป็นพืชสวยงามทั่วไป โลโฟโฟร่ามีศัตรูพืชที่สำคัญคือเพลี้ยแป้ง การปลูกลงดินบ้านเรานั้น เน้นให้ดินโปร่ง ร่วน โดยผสมส่วนประกอบของดินให้มีแร่ธาตุอาหารครบถ้วน วางในอากาศที่แห้ง และเหมาะสม ไม่ควรรดน้ำบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ต้นเน่าได้

วิธีการให้แสงแดดโลโฟโฟร่า ควรพรางแสงให้เหลือ 60-70%

วิธีการรดน้ำโลโฟโฟร่า ใช้วิธีเช่นเดียวกันกับแคคตัสสายพันธุ์อื่น รดท่วมกระถาง ใช้น้ำสะอาดราดลำต้น เพื่อชะล้างเศษฝุ่น เศษดิน ให้โลโฟโฟร่าสดใส สะอาด มีชีวิตชีวา หรือบางคนใช้วิธีเอากระถางจุ่มน้ำให้ท่วม แล้วยกขึ้นมาผึ่งให้แห้ง ระยะเวลาการรดน้ำขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ใช้ไม้จิ้มฟันจุ่มดินขึ้นมาดู หากไม้แห้ง ก็รดต่อได้ แต่หากไม้ชื้น ก็งด และเว้นระยะรดน้ำไปก่อน ระวังการเป็นคราบน้ำ หลีกเลี่ยงได้โดยปรับแต่งโรงเรือนให้เหมาะสมกับการคายน้ำ หรือรดข้างๆ ต้น แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดคราบน้ำที่ต้นออก

โลโฟโฟร่า (Lophophora) มีกี่ประเภท

...

สายพันธุ์ที่นิยม ได้แก่ Lophophora williamsii, Lophophora jourdaniana, Lophophora diffusa, Lophophora fricii และ Lophophora fricii (Variegated) หรือที่เรียกกันว่าโลโฟด่าง

โลโฟโฟร่า (Lophophora) ราคาเท่าไร

...


โลโฟโฟร่า กลายเป็นกระบองเพชรที่สาวกแคคตัสพุ่งความสนใจเมื่อดาราสาว อั้ม พัชราภา บุกสวนแห่งหนึ่ง คุณเป้และคุณเกด เจ้าของสวน ได้เล่าว่า

“น้องอั้มชอบสายพันธุ์ Lophophora fricii. ครับ จุดเด่นของสายพันธุ์นี้ คือ เป็นกระบองเพรชสายพันธุ์ที่ไม่มีหนาม รูปร่างกลมน่ารัก ผิวสีเขียวอมเทาฟ้า ออกดอกสีชมพูตัดกันสวยงามน่ารัก ให้ดอกเรื่อยๆ ปีละหลายครั้ง ยิ่งเวลาเลี้ยงด้วยกันจำนวนมากในสภาพแวดล้อมเดียวกันมันมักจะออกดอกพร้อมกันดูสวยงามตระการตามากครับ

สายพันธุ์ของโลโฟโฟร่ามีหลายสปีชีส์ ที่นิยมในบ้านเราก็คือ Lophophora willaimsii., Lophophora diffusa. และที่นิยมมากที่สุดคือ Lophophora fricii. เอกลักษณ์พิเศษที่นักเล่นบ้านเรานนิยม จะเป็นลักษณะตุ่มเนินหนาม (Tubucle) หรือบางคนเรียกว่า “เต้า” ที่นูนเด่นชัด วิธีการเลี้ยงโลโฟโฟร่าให้สวย คือให้น้ำเมื่อดินในกระถางแห้งจากการรดน้ำครั้งก่อน เพื่อป้องกันการเน่า เนื่องจากสายพันธุ์นี้สะสมน้ำไว้ที่ต้นอยู่แล้ว ส่วนเทคนิคปลีกย่อยคือ ในต้นที่มีขนาดใหญ่รดน้ำข้างกระถาง หรือจุ่มทั้งกระถาง ไม่ให้โดนขน เนื่องจากจะทำให้ขนติดกัน ขาดความสวยงาม ส่วนต้นที่ขนาดเล็กก็รดได้ทั้งต้นตามปกติ

มูลค่าของกระบองเพชรสายพันธุ์นี้อยู่ที่ ลักษณะฟอร์มต้น เล็ก,ใหญ่,สูงหรือแบน ฟอร์มเต้าเล็กใหญ่ ผิวพรรณ ตำหนิ ขนาดและอายุของไม้แต่ละต้นมาประกอบกัน ในเบื้องต้นการที่น้องอั้มหยิบถือก็เป็นกระแส แต่ถ้าเมื่อไรที่มีคนตามซื้อหากันเยอะจนจำนวนไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ซื้อ ราคาในตลาดก็จะแรงขึ้นเป็นปกติ

กลุ่มผู้เล่น Lophophora fricii. จะรู้ดีว่าปกติราคาในตัวที่มีลักษณะพิเศษที่นิยมเล่นกันจะสูงอยู่แล้วหลักหมื่นถึงต้นละหลายแสนทีเดียวครับ”

สรุปได้ว่าราคาของโลโฟโฟรา ขึ้นกับ สายพันธุ์ ลักษณะ ขนาด และลวดลายความด่าง ยกตัวอย่างเช่น โลโฟโฟร่าด่าง Lophophora fricii (Variegated) มีสีด่างที่สร้างความแปลกใหม่ให้แต่ละต้นสวยงามแตกต่างกัน อาจพบราคาสูงถึงหลักพัน หรือหลักหมื่น รวมถึงลักษณะเต้าก็ได้รับความนิยมกว่าพันธุ์ที่ผิวกลมๆ เรียบๆ ก็จะมีราคาสูงขึ้น

ที่มา : magicactus.com
 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง