บริจาค ไชยไว พูนลาภมงคล นายกสมาคมวิเทศพาณิชย์ไทย-จีน มอบเงิน 1,000,000 บาท ให้ ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย เพื่อซื้อเครื่องให้ออกซิเจน รพ.สมเด็จพระยุพราช โดยมี กิตติพงษ์ เตรัตนชัย และ ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ มาร่วมในพิธีด้วย ที่มูลนิธิ รพ.สมเด็จพระยุพราช วันก่อน.
ใช้เสรีภาพไม่มีขอบเขต ทำลายประชาธิปไตย.........หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2564
“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน...จากสถานการณ์ที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดหนักในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อใหม่วันละ 2 หมื่นกว่าราย และมีผู้เสียชีวิตรายวัน 200–300 ราย แถมยังมีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ วัคซีนล่าช้า ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ ปากท้องประชาชน และ เศรษฐกิจ โดยรวมของประเทศ...เมื่อต้นสัปดาห์ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผู้นำฝ่ายค้าน นำทีมพรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทิ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และ วิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร...

...
ทั้งนี้ ผู้นำฝ่ายค้าน เน้นย้ำว่า พรรคฝ่ายค้าน เห็นความบกพร่องของรัฐบาลในการบริหารงานตลอดปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่อง โควิด–19 เรื่อง เศรษฐกิจ มีความจำเป็นต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 6 คน ไล่ตั้งแต่หัวแถว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พ่วงด้วยรัฐมนตรีอีก 5 คน ได้แก่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม...
โดยญัตติที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจระบุข้อกล่าวหาดุเดือดรุนแรง อาทิ กล่าวหา นายกฯประยุทธ์ เป็นบุคคลไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้คุณธรรม และไร้ความสามารถเป็นหัวหน้ารัฐบาล ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายร้ายแรงทุกด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะยามที่บ้านเมืองประสบปัญหาโควิด พล.อ.ประยุทธ์ รวบอำนาจกฎหมายเบ็ดเสร็จไว้ที่ตัวเอง แต่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ ละเลยมาตรการป้องกันควบคุมโรค จนมีการแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว การจัดหาวัคซีนล่าช้าไม่ทันการณ์ การจัดหาเครื่องมือเป็นไปโดยทุจริต ภาคธุรกิจได้รับความเสียหายจากมาตรการของรัฐ อาทิ การล็อกดาวน์ การปิดสถานประกอบการ ทำให้ประ-ชาชนตกงาน กระทบเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ยังลุแก่อำนาจสั่งการใช้กำลังปราบปรามประชาชนที่ออกมา ชุมนุมอย่างรุนแรงเกินสมควรกว่าเหตุ

ขณะเดียวกัน ได้ตั้งข้อกล่าวหา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ไร้ภูมิปัญญาความสามารถในการดูแลงานสาธารณสุข ทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ส่งผลให้การบริหารงาน กระทรวงสาธารณสุข ล้มเหลว หากปล่อยให้ดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ต่อไป จะทำให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น...ตั้งข้อกล่าวหา สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ไร้ความรู้ความสามารถบริหารราชการกระทรวงแรงงาน ทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบทั้งระบบ...
ตั้งข้อกล่าวหา ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มุ่งแต่แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานที่อยู่ในกำกับดูแล ...ตั้งข้อกล่าวหา เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไร้ความสามารถ ทำให้การบริหารงานด้านการเกษตรล้มเหลวทั้งระบบ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และตั้งข้อกล่าวหา ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐ บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยกในสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หากปล่อยให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป ยิ่งจะทำให้สังคมเกิดความแตกแยกมากขึ้น
ประสา “ธนูเทพ” เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ ฝ่ายค้าน ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ถือเป็น มาตรการขั้นสูงสุดในการตรวจสอบรัฐบาล ตามระบอบ ประชาธิปไตยในระบบ รัฐสภา และแน่นอน การตั้งข้อกล่าวหาหนักหนาสาหัสเพียงใด ก็ถือเป็นสิทธิของฝ่ายค้าน ขณะที่ นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี ที่โดนอภิปรายในสภาฯ ก็ต้องชี้แจงแสดง หลักฐาน เพื่อต่อสู้ข้อกล่าวหา ...งานนี้หาก ฝ่ายค้าน มีหลักฐานข้อมูลแน่นหนาลากไส้ประจานให้ประชาชนเห็น แม้ รัฐบาล มีเสียงในสภาฯแน่น โหวตผ่านมติไม่ไว้วางใจไปได้ แต่ก็ต้อง เผชิญ ความเสื่อมศรัทธา จากสังคมแน่นอน...
...

แต่ขณะเดียวกัน ถ้า ฝ่ายค้าน มีแต่ วาทกรรม ใช้เพียงข้อมูลตัดแปะจากสื่อมวลชน หวังฉวยสถานการณ์โรค ระบาด ผู้คนเจ็บป่วยล้มตาย ประชาชนประสบความเดือดร้อนมาเป็นประเด็น โจมตีหวังโค่นล้มรัฐบาล โดย ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน ทาง ฝ่ายค้าน เองก็ต้องเสียรังวัดเหมือนกัน...ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นช่วง ต้นเดือน ก.ย. นี้ ฝ่ายค้าน จะมีทีเด็ดแค่ไหน ข้อมูลแน่นหนาเหมือนเนื้อหาในญัตติหรือไม่ ต้องรอพิสูจน์กัน
เฮ้อ... จากสถานการณ์ กลุ่มทะลุฟ้า เครือข่ายม็อบราษฎร แนวร่วมกลุ่มเสื้อแดง นัดชุมนุมก่อม็อบไล่ รัฐบาลประยุทธ์ กันเป็นรายวัน ถือเป็นสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย แต่ขณะเดียวกันทุกครั้งที่มีการชุมนุมก็จะมี มวลชนสายฮาร์ดคอร์ กลุ่มเด็กแว้น เปิดฉากปะทะกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน โดยใช้ แยกดินแดง เป็นสมรภูมิเดือด มีการใช้หนังสติ๊กยิงหัวนอต ลูกแก้ว ประทัดยักษ์ ระเบิดขวด ระเบิดเพลิง พลุไฟ ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บางวันดุเดือดถึงขั้นเผาป้อมตำรวจ จนโดนตอบโต้ด้วย แก๊สน้ำตา กระสุนยาง กลายเป็นจลาจลย่อยๆ...

...
ล่าสุดเริ่มเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นมีเยาวชน 3 ราย ถูกยิงด้วยกระสุนจริง หนึ่งในนั้นบาดเจ็บสาหัสโดนยิงกระสุนฝังในที่ก้านสมอง ต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกมายืนยันใช้เพียงกระสุนยาง ไม่มีการใช้กระสุนจริงแต่อย่างใด ...งานนี้คงต้องรอผลสืบสวนสอบสวนว่าเป็น กระสุนของฝ่ายใด ใครเป็นคนยิง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แต่ที่รีบออกมาฉวยสถานการณ์ก่อนเลย ก็คือ เจ้าเก่าอย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้ กรรมาธิการสภาฯ ที่เกี่ยวข้อง ตั้งคณะทำงานสอบสวน เพื่อนำไปสู่การสอบสวนที่เป็นกลาง หาตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่ กระบวนการยุติธรรมและทางวินัยให้ได้ “สภาฯต้องไม่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐสังหารคนเป็นผักเป็นปลา เราเจ็บปวดมาพอแล้วจากความสูญเสียของประชาชนใต้เงื้อมมือรัฐ ตั้งแต่ตุลา 16, ตุลา 19 มาจนถึงเหตุสังหารหมู่คนเสื้อแดง เมษา-พฤษภา 53”...ฟังเผินๆดูดี ที่ต้องการให้การสอบสวนเป็นกลาง แต่ตอนลงท้ายเหมือนมีเป้าหมายต้องการให้เกิดความเคียดแค้นชิงชัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่ยังไม่แน่ชัดว่าใครคือผู้กระทำ...แบบนี้เรียกว่าโหนสถานการณ์ ราดน้ำมันบนกองไฟ หวังให้เกิดจลาจลครั้งใหญ่ในบ้านเมืองรึเปล่า หวังดีประสงค์ร้ายหรือไม่

ภายใต้สถานการณ์โควิดส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการภาคงานศิลปหัตถกรรมไทย พรพล เอกอรรถพร รักษาการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (SACIT) จัดโครงการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรมไทย ในการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน “SACICT SHOP” โดยให้ผู้ซื้อสามารถติดต่อซื้องานศิลปหัตถกรรมไทยได้อย่างสะดวกมากขึ้น โดยค้นหาและเลือกชมงานศิลปหัตถกรรมไทย จากฝีมือภูมิปัญญาชาวบ้าน อาทิ หน้ากากจากหัวใจชุมชน ของขวัญของชำร่วย ของตกแต่งบ้าน เครื่องประดับ เสื้อผ้า และอื่นๆอีกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1289 หรือ 0-3536-7054 ต่อ 1107, 1384, 1337 หรืออีเมล saies@sacict.mail.go.th
“ธนูเทพ”