ถึงแม้จะถือคติ “กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน” แต่ราชวงศ์เก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่าง “ราชวงศ์อังกฤษ” ก็ย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในการกินอยู่ที่เคร่งครัดไม่เหมือนใคร และเต็มไปด้วยรายละเอียดสุดพิศวง ที่เมื่อรู้แล้วจะต้องประหลาดใจ
เลข 13 อาจเป็นเลขอาถรรพณ์ตามความเชื่อของชาวคริสต์ทั้งโลก แต่สำหรับ “ควีนเอลิซาเบธที่สองโปรดให้มีแขกร่วมโต๊ะเสวย 13 คนเป๊ะเท่ากันทุกครั้ง” ห้ามมากกว่าหรือน้อยกว่าเด็ดขาด ยกเว้นงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการ โดยทุกคนที่ร่วมโต๊ะเสวยต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย และเดินเข้าห้องเสวยตามลำดับยศศักดิ์


...

หนึ่งในธรรมเนียมสำคัญของการร่วมโต๊ะเสวยคือ “ห้ามลุกนั่งก่อนองค์ควีนเด็ดขาด และต้องรอให้เริ่มเสวยก่อน แขกที่เหลือจึงรับประทานได้” เมื่องานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นจะมีรับสั่งกับแขกที่นั่งถัดไปด้านขวามือก่อน กระทั่งเข้าสู่การเสิร์ฟคอร์สที่สอง จึงหันมาสนทนากับแขกที่นั่งด้านซ้ายมือของพระองค์
ต้องหมั่นสังเกตปฏิกิริยาขององค์ควีน “หากทรงวางมีดส้อมหันหัวเฉียงเข้าหากันแสดงว่ายังโปรดเสวยต่อ แต่เมื่อไหร่ทรงรวบมีดส้อมวางขนานกัน เท่ากับส่งสัญญาณว่าเสวยเสร็จแล้ว แขกทั้งโต๊ะก็ต้องรวบมีดส้อมอิ่มทันที” เพื่อเตรียมพร้อม
ส่งเสด็จฯ ถ้าใครลุกออกจากโต๊ะเสวยก่อนองค์ควีนถือว่าไร้มารยาทมาก บางครั้งอาจทรงหยิบกระเป๋าขึ้นวางบนโต๊ะ นั่นก็เป็นอีกสัญญาณบอกว่าเสวยเสร็จแล้ว งานเลี้ยงกำลังจะเลิกรา



“กระเทียมเป็นของต้องห้ามตลอดกาลในบั๊กกิ้งแฮม” อดีตเชฟหลวงประจำบั๊กกิ้งแฮม “ดาร์เรน แมคเกรดี้” เผยความลับว่า ควีนเอลิซาเบธที่สองไม่โปรดเสวยกระเทียมเป็นที่สุด จึงห้ามนำเข้าวังโดยเด็ดขาด และงดปรุงอาหารที่มีส่วนผสมของกระเทียมทุกชนิด เนื่องจากเป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง
“พระราชวงศ์อังกฤษห้ามเสวยอาหารทะเลที่มีเปลือก เช่น กุ้ง และหอย เพราะเสี่ยงจะเกิดอาการแพ้ และอาหารเป็นพิษ” ทุก 2 สัปดาห์ “มาร์ค ฟลานาแกน” หัวหน้าเชฟหลวงประจำพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม จะมีหน้าที่จัดสรรเมนูถวายควีนเอลิซาเบธที่สองล่วงหน้า เพื่อให้ทรงเลือกว่าโปรดไม่โปรดเมนูใด “ทรงมีวินัยเรื่องการกินอยู่มาแต่ไหนแต่ไร” ผิดกับพระสวามี “เจ้าชายฟิลิป” ที่สามารถเสวยได้ทั้งวัน เพราะเอนจอยอีตติ้งมาก
...



“โปรดเสวยกล้วยหอมด้วยมีดและส้อม” กฎข้อนี้บัญญัติขึ้นเองโดยควีนเอลิซาเบธที่สอง โดยทุกครั้งที่สมาชิกราชวงศ์อังกฤษต้องร่วมโต๊ะเสวย ผลไม้ทุกชนิด รวมถึงกล้วยหอม จะมาพร้อมกับมีด, ส้อม และจานแบน เพื่อให้สามารถปอกเปลือกผลไม้ได้โดยไม่ใช้มือสัมผัส
“มื้อค่ำของบั๊กกิ้งแฮม ห้ามเสิร์ฟพาสตา, มันฝรั่ง และข้าว” ด้วยความที่ทรงใส่ใจดูแลสุขภาพมาก และเป็นต้นแบบของกษัตริย์ที่มีพระชนมพรรษายืนยาวที่สุดในโลก จึงสั่งงดมิให้เสิร์ฟเครื่องเคียงที่เป็นแป้งตระกูล starch ซึ่งหมายถึงจะไม่เสวยมันฝรั่ง, เส้นพาสตา และข้าวเลย แต่โปรดเสวยสเต๊กเนื้อ, สเต๊กไก่ หรือแซลมอนย่างจากฟาร์มหลวงในแซนดริงแฮมและบัลมอรัล เสิร์ฟคู่กับซอสครีมเห็ดปรุงรสด้วยวิสกี้ อีกหนึ่งเมนูโปรดคือ “ซันเดย์โรสต์” สเต๊กเนื้อครบเครื่องสไตล์ผู้ดีอังกฤษ องค์ควีนจะทรงจิบแชมเปญหนึ่งแก้วตลอดทั้งค่ำคืน ขณะที่ขนมหวานหลังมื้ออาหารหลัก ต้องเป็นผลไม้ที่เก็บจากฟาร์มในบัลมอรัล หรือปลูกเองภายในพระราชวังวินด์เซอร์ เป็นที่ทราบกันดีว่า “โปรดเสวยผลไม้ตามฤดูกาล” เช่น สตรอว์เบอร์รี และลูกพีช “ไม่โปรดอาหารที่มีการดัดแปลงทางพันธุกรรม”

...


“ก่อนเสวยมื้อเที่ยงมักจะทรงเรียกน้ำย่อยด้วยการจิบจินผสมดูบอนเนตกับมะนาวฝานใส่น้ำแข็งเยอะๆ” เพื่อเติมความกระปรี้กระเปร่า
สำหรับ “มื้อกลางวันจะเสวยอาหารเบาๆ ย่อยง่ายเพื่อควบคุมน้ำหนัก” จานโปรดเสวยบ่อยก็เช่น ปลาย่างกับสลัดผัก และไก่ย่างกับสลัดผักจานโต


“ก่อนเริ่มเสวยมื้อเช้าทุกวัน จะต้องจิบชาเอิร์ลเกรย์ไม่ใส่น้ำตาลและนม คู่กับบิสกิตขนาดพอดีคำ” พระกระยาหารเช้าเน้นความเรียบง่าย แค่ซีเรียลกับผลไม้ตามฤดูกาล โดยเคล็ดลับการทานซีเรียลให้อร่อยสไตล์ควีน ต้องเสิร์ฟในภาชนะทัปเปอร์แวร์ เพราะช่วยเก็บความเย็นได้ดี
“ช่วงไหนที่ควบคุมน้ำหนักได้ผล องค์ควีนจะให้รางวัลตัวเองด้วยขนมปังปิ้งทาแยมส้มสูตรชาววัง” หรือไม่ก็ไข่คนกับแซลมอนรมควันและทรัฟเฟิล แต่ที่โปรดเสวยบ่อยคือไข่ต้ม ให้พลังงานเยอะ แต่แคลอรีต่ำ
“วิธีดื่มชาสไตล์ราชวงศ์อังกฤษ”


ก็มีธรรมเนียมปฏิบัติเฉพาะตัว ต้องใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้จับหูถ้วยชาด้านบนสุด แล้วจึงใช้นิ้วกลางพยุงก้นถ้วยชา พระราชวงศ์ฝ่ายหญิงยังต้องระมัดระวังรอยลิปสติกเปื้อนไปทั่ว ทางที่ดีควรจิบชาบริเวณที่เดิมเสมอ และเวลาใช้ผ้าเช็ดปากต้องซ่อนรอยเปื้อนไว้ด้านในก็เพราะควีนอังกฤษทรงรักสุนัขมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ “สุนัขทรงเลี้ยงจะกินสเต๊กอกไก่ และสเต๊กปลา ราดซอสเกรวีฉ่ำๆ เป็นอาหารค่ำ”
แฟนพันธุ์แท้ของราชวงศ์อังกฤษทราบดีว่า “ควีนเอลิซาเบธที่สองทรงแพ้ช็อกโกแลตทุกชนิด” โดยเฉพาะช็อกโกแลตมูส และช็อกโกแลตสปันจ์เค้ก ห้ามพระทัยไม่อยู่จริงๆ เช่นเดียวกับขนมนมเนยต่างๆ โปรดเสวยอาฟเตอร์นูนทีทุกบ่าย โดยจะจิบชาแก้วโปรดกับแซนด์วิชคำเล็กๆ ขนาดเท่าเหรียญเพนนีของอังกฤษ สอดไส้แซลมอนรมควัน, แตงกวา, ไข่ และมายองเนส หรือไม่ก็ทาแยมราสเบอร์รีโฮมเมดแท้ๆ ในชุดอาฟเตอร์นูนทีจะต้องมีบิสกิต, สโคน และขนมเค้กครบเซต โปรดที่สุดคือ สปันจ์เค้กสอดไส้น้ำผึ้งสลับครีม, เค้กผลไม้ และช็อกโกแลตบิสกิตเค้ก ซึ่งเสิร์ฟในงานเสกสมรสของเจ้าชายวิลเลียม.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ