สถาปนิกหนุ่มผู้หลงใหลในการออกแบบ เลิศศักดิ์ ชิตวรากร ได้ไปศึกษาเรียนรู้การทำสูท จนมองเห็นโอกาสที่จะสร้างความแตกต่างในธุรกิจวงการแฟชั่นด้วยการสร้างแบรนด์สูทของตัวเอง ที่ดึงความเนี้ยบและความทันสมัยมาผสมผสานอย่างลงตัว
โอ๊ต–เลิศศักดิ์ ชิตวรากร สถาปนิกหนุ่มไฟแรงผู้หลงใหลในการออกแบบ จึงเลือกศึกษาในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาภูมิสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าว่า ภูมิสถาปัตยกรรมเป็นงานสายที่กว้าง เป็นสาขาที่ผนวกการออกแบบ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนและปัจจัยทางธรรมชาติเข้าด้วยกัน ต้องค้นคว้าข้อมูลในหลายแขนง เช่น ศึกษาการใช้สี วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์การแต่งกายของผู้คน เพื่อมาปรับใช้ในการเรียน ทำให้เริ่มสนใจด้านแฟชั่น เมื่อเรียนจบและเริ่มต้นทำงานด้านภูมิสถาปนิกทำให้มีโอกาสใส่สูทบ่อยครั้ง แต่การหาซื้อสูทสำเร็จที่เข้ากับรูปร่างตัวเองค่อนข้างยาก รวมถึงอุปนิสัยที่ใส่ใจในรายละเอียดทำให้ชอบศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่ตัวเองสนใจ จึงตัดสินใจหันมาศึกษาการทำสูท จนสร้างธุรกิจแบรนด์สูทของตัวเอง
...
“ผมลงเรียนหลักสูตรตัดเย็บเสื้อผ้า เพราะอยากเรียนรู้ในทุกกระบวนการตั้งแต่การฟิตติ้ง วางแพตเทิร์น และดีไซน์ จึงทำให้รู้ว่าการตัดเสื้อผ้าสักชิ้นหนึ่งมีดีเทลมาก เป็นศาสตร์ศาสตร์หนึ่งที่เรียนไม่มีวันจบ เมื่อเรียนการตัดเย็บเสื้อผ้าสักระยะหนึ่ง ทำให้เริ่มมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจรับตัดสูท เนื่องจาก “สูท” คือการให้เกียรติกันไม่ใช่เพียงใส่ในโอกาสพิเศษเท่านั้น แต่กลายเป็นเทรนด์ที่เติมเต็มบุคลิกภาพ ความสมาร์ท และสะท้อนตัวตน เรียกได้ว่าสูท คือแฟชั่นไอเท็มที่สำคัญของสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี สู่การก่อตั้ง Etiquette (เอทิเคทท์) ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงแรมอลิซาเบธ ถนนประดิพัทธ์ ระหว่างประดิพัทธ์ซอย 15 และซอย 17 ร้านสูทที่ผมทำเป็นแบบบิสโพค (Bespoke) ดีไซน์เนี้ยบทุกรายละเอียด ที่สุดของชุดสูทหนึ่งเดียวเพื่อคุณ และยังมีบริการตัดชุดสูทให้กับสุภาพสตรี พร้อมบริการตัดเสื้อเชิ้ต กางเกง แจ็กเกต รวมถึง Ready to Wear อีกด้วยครับ” สถาปนิกหนุ่มไฟแรง เล่าถึงธุรกิจใหม่
แม้จะเป็นแบรนด์สูทน้องใหม่ แต่ได้รับการตอบรับอย่างดี โอ๊ต–เลิศศักดิ์ บอกว่า ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะเมื่อตอนเริ่มตัดสูทใส่เองเวลาไปต่างประเทศมักพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนเทคนิคกับช่างฝีมือและมองหาผ้าลวดลายใหม่ๆ ที่มีผ้าคุณภาพชั้นเยี่ยมให้เลือกสรร รวมถึงนำผ้าไหมของไทยมาตัดเป็นชุดสูท ซึ่งถ้าใครอยากสร้างความสนุกให้ชุดสูทของคุณไม่เหมือนใคร ติดต่อได้ที่ Facebook : etiquette.bangkok และ Instagram : @etiquette.bangkok หรือโทร. 08-4087-2662
และเมื่อต้องสวมหมวกสองใบในการทำงาน ผู้บริหารรุ่นใหม่คนนี้บอกว่า ในการทำงานตนมีคุณแม่เป็นต้นแบบในการใช้ชีวิตและทางด้านธุรกิจ โดยนำหลักการบริหารจัดการที่ดีของคุณแม่มาใช้วางแผนในการทำงาน ด้วยการตั้งเดดไลน์ให้กับงานแต่ละชิ้น โดยเผื่อเวลาให้งานเสร็จก่อนกำหนด เพื่อป้องกันปัญหาที่อยู่เหนือการควบคุม นอกจากนี้ยังมีการคาดคะเนถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และคิดแผนสำรองไว้ล่วงหน้าเพื่อให้รับมือกับปัญหาได้ทันท่วงที และสิ่งที่ตนยึดในการทำงานของทั้ง 2 อาชีพ คือความใส่ใจความต้องการของลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการทำงาน และไม่ทิ้งตัวตนของตัวเอง เพราะสองสิ่งนี้จะหลอมรวมเป็นผลงานชั้นเยี่ยมที่สะท้อนความตั้งใจและความมุ่งมั่นของตน.