ถือเป็นนักปฏิวัติแห่งวงการรองเท้าโลกที่เจ๋งที่สุด สำหรับ “มาริโอ โมเรตติ โพเลกาโต้” ทายาทตระกูลผู้ผลิตไวน์อันดับต้นๆของอิตาลี ที่ยอมทิ้งชาโตว์อันแสนสุขสบาย ออกมาบุกเบิกธุรกิจทำรองเท้าหายใจได้ แบรนด์ “GEOX” ตอนวัย 43 จนทุกวันนี้ร่ำรวยติดอันดับมหาเศรษฐีท็อปเทนของแดนมะกะโรนีไปแล้ว โดยมีสินทรัพย์ในครอบครองมากกว่า 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

“ผมคิดค้นนวัตกรรมนี้ด้วยตัวเอง เมื่อปี 1995 เป็นการค้นพบโดยบังเอิญระหว่างไปประชุมเรื่องธุรกิจไวน์ของครอบครัวที่เมือง เรโน รัฐเนวาดา ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา หลังเสร็จงานผมเปลี่ยนรองเท้าลำลองไปเดินเล่น ท่ามกลางความร้อนระอุของเมืองทะเลทราย ทำให้เท้าพองไปหมด นึกขึ้นได้จึงหยิบมีดพกสวิสในกระเป๋าออกมาเจาะรูพื้นรองเท้าทั้งสองข้าง ปรากฏว่ารองเท้าถ่ายเทอากาศได้ดีไม่ร้อนเท้าเลย ผมปิ๊งไอเดียทันที เมื่อเดินทางกลับมาอิตาลีจึงศึกษาวิจัยเทคโนโลยีรองเท้าอย่างจริงจัง โดยเน้นเป้าหมายไปที่การสร้างนวัตกรรมพื้นรองเท้ายางที่ระบายอากาศได้ดี และป้องกันไม่ให้น้ำเข้าอย่างมีประสิทธิภาพ”...ประธานเจอ็อกซ์ กรุ๊ป บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการคิดค้นนวัตกรรมรองเท้าหายใจได้เป็นรายแรกและรายเดียวของโลก
...
จากทายาทตระกูลผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ของอิตาลี คิดยังไงจึงผันตัวมาทำรองเท้า

ผมก่อตั้งบริษัท “เจอ็อกซ์” ในปี 1995 โดยชื่อ Geox มาจากการผสมคำกรีกคือ geo หมายถึงผืนดิน กับคำว่า x ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนความทันสมัยของเทคโนโลยี อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจทำธุรกิจรองเท้าเอง เพราะต้องรับช่วงดูแลกิจการผลิตไวน์และไร่เกษตรกรรมของครอบครัวในเขตเทรวิโซ ซึ่งสืบทอดกันมาสามเจเนอเรชันแล้ว โดยผมร่ำเรียนมาด้านศาสตร์การผลิตไวน์โดยตรง แต่เนื่องจากตอนนั้นนำนวัตกรรมรองเท้าหายใจได้ไปเสนอโรงงานไหนก็โดนปฏิเสธหมด ผมจึงตัดสินใจผลิตรองเท้าขายเอง ภายใต้แบรนด์ “เจ–อ็อกซ์” และจดสิทธิบัตรใน 100 ประเทศทั่วโลก แรกเริ่มทำรองเท้าหายใจได้สำหรับเด็กมาลองตลาด ปรากฏว่าขายดิบขายดีมาก จนผู้ปกครองเรียกร้องว่าน่าจะทำรองเท้าหายใจได้สำหรับผู้ใหญ่บ้าง ทั้งผู้ชายและผู้หญิง นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปิดร้านขยายธุรกิจไปทั่วอิตาลีในยุคแรก

รองเท้าที่ดีที่สุดต้องมีคุณสมบัติอย่างไรคะ
สำหรับผมแล้ว รองเท้าที่ดีที่สุดคือรองเท้าใส่สบายที่สุดเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย ต้องระบายอากาศได้ดี, ใส่แล้วเท้าแห้งเสมอ และไม่มีกลิ่นอับชื้น

อะไรคือจุดแข็งของแบรนด์ ที่ทำให้ครองความเป็นหนึ่งมาหลายทศวรรษ
“เจอ็อกซ์ กรุ๊ป” ทุ่มทุนอย่างมากไปกับเรื่องการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีการก่อตั้งแผนกวิจัยและพัฒนาขึ้นเฉพาะที่สำนักงานใหญ่ในมอนเตเบลลูนา ประกอบไปด้วยทีมวิศวกร,นักเคมี และนักฟิสิกส์ 15 คน ที่ทำงานกันอย่างเข้มข้นเพื่อคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ, ศึกษาวิจัย และทดสอบวัสดุต่างๆ หาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการผลิตรองเท้าและเสื้อผ้าให้แฟนๆเจอ็อกซ์ นอกจากนี้ เรายังทำงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งเพื่อคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสิทธิบัตรอยู่ในมือถึง35 ฉบับ และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 10 ฉบับ

...
นอกจากการเป็นผู้นำนวัตกรรม ทำยังไงจึงสามารถพลิก-โฉม “เจอ็อกซ์” ไปสู่ความเป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของโลก
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “เจอ็อกซ์” คือเจ้าแห่งนวัตกรรมรองเท้าหายใจได้ของโลก ซึ่งไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบ ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นเรื่องการระบายอากาศ และการป้องกันน้ำซึมผ่าน ที่ทำให้เรากลายเป็นสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีชั้นสูง ขณะเดียวกัน ด้วยความที่อิตาลีเป็นผู้นำแฟชั่นของโลก เราจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองให้สวยงามทันสมัยตามเทรนด์แฟชั่นด้วย โดยเมื่อต้นปีได้ดึงอดีตผู้บริหารใหญ่ตลาดอเมริกาของกุชชี่ “แมตเทโอ มาสกาซซินี” มาเป็นซีอีโอคนใหม่ของเจอ็อกซ์ เพื่อปลุกปั้นแบรนด์เจอ็อกซ์ให้มีความเป็นไลฟ์สไตล์แฟชั่นแบรนด์มากขึ้น ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย ขณะเดียวกัน ก็สวมใส่สบายด้วย ปัจจุบันเรามีร้านในรูปแบบมัลติสโตร์อยู่ 10,000 แห่งทั่วโลก, ร้านรูปแบบร้านเดี่ยว 1,095 แห่ง และมุ่งจะขยายตลาดในต่างประเทศทั่วโลก จากที่มีสาขาอยู่ 110 ประเทศ โดยเพิ่งเปิดคอนเซปต์สโตร์รูปแบบใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย “GEOX X-STORE” ร่วมกับค่ายแปซิฟิกาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

อะไรคือนวัตกรรมล่าสุดที่สร้างความฮือฮาให้วงการ
ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรใหม่อย่าง “เจอ็อกซ์ คัวโย” ทำให้แผ่นหนังที่นำมาทำพื้นรองเท้ามีความสามารถในการกันน้ำได้เป็นครั้งแรกของโลก เมื่อผสมผสานกับงานดีไซน์เครื่องหนังคุณภาพของอิตาลี จึงได้รองเท้าหนังสำหรับผู้ชายที่ทั้งสง่างามและสวมใส่สบายที่สุด นอกจากนี้ เรายังมีเทคโนโลยี “แอมฟิบิออกซ์” มีประสิทธิภาพด้านการกันน้ำ และควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมภายในรองเท้า ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้นำไปใช้กับเสื้อแจ็กเกตด้วย เพื่อช่วยกักเก็บความร้อนของร่างกาย หรือจะเป็นเทคโนโลยี “เนบิวลา” ก็มอบความสบายสูงสุด ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำในการระบายอากาศ, มีน้ำหนักเบา, ยืดหยุ่น และมอบความยึดเกาะสูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทาง นวัตกรรมเหล่านี้ถูกนำมาใช้อย่างชาญฉลาดในการสร้างสรรค์รองเท้าหนัง, รองเท้าบูต, รองเท้าสนีกเกอร์, รองเท้าทำงาน, รองเท้าส้นสูง และรองเท้าเด็ก ตลอดจนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสำหรับทั้งชายและหญิง


...
เทรนด์ของรองเท้าในอนาคตจะพัฒนาไปทิศทางใด
ตลาดรองเท้าทั่วโลกกำลังมุ่งไปหาสไตล์ที่สวมใส่สบายที่สุด รองเท้าประเภทแคชวลแวร์เติบโตอย่างมากในตลาดอเมริกา โดยเฉพาะ “รองเท้ากีฬา” กินส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด โดยปัจจัยที่ผู้บริโภคยุคใหม่คำนึงถึงมากที่สุดคือ น้ำหนักเบา, รองเท้าระบายอากาศได้ดี และป้องกันกลิ่นอับชื้น
ปีนี้อายุ 66 แล้ว ทำยังไงถึงมีพลังเหลือเฟือในการทำงานและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆได้ไม่หยุด

ผมสนุกกับการได้คิดค้นอะไรใหม่ๆ เป็นคนหยุดนิ่งไม่ได้ นอกจากการทำธุรกิจแล้ว ผมยังตระเวนสอนวิชาทรัพย์สินทางปัญญาตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลก เพื่อจุดประกายความคิดให้คนรุ่นใหม่ที่อยากเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ ขณะเดียวกัน ก็กระตุ้นให้ทุกคนได้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีด้วย.
ทีมข่าวหน้าสตรี