จากที่เป็นนักชิมชอบตระเวนชิมของอร่อย เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนชีวิตของ นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ จากสาวออฟฟิศสู่เจ้าของธุรกิจร้านอาหารที่ฮิตติดลมบน nice two Meat U Thailand

แนท–นันทนัช ได้เล่าถึงชีวิตส่วนตัวว่า เป็นลูกคนโตในจำนวน 2 คนของพ่อแม่ พิชัย-สุวรรณา เอื้อศิริทรัพย์ ที่บ้านทำธุรกิจขายเหล็กก่อสร้าง (กิมเฮ่งเซ้งเหล็กกล้า) พอเรียนจบจาก ร.ร.เซนต์โยเซฟคอนเวนต์ ก็มาเรียนต่อระดับ ป.ตรีที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ จุฬาฯ และไปต่อ ป.โท ด้าน Management ที่อิมพีเรียล คอลเลจ ประเทศอังกฤษ จบกลับมาที่บ้านอยากให้ไปทำงานข้างนอกก่อน เธอจึงไปสมัครทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ด้านกลยุทธ์และวางแผน ทำอยู่ 7-8 เดือน คิดว่าคงไม่ใช่ทางของเธอ เลยลาออก

ช่วงว่างๆ เลยไปเรียนด้านแฟชั่นคอร์สสั้นๆ Vogue Fashion Certificate 3 เดือน ที่ Conde Nast ประเทศอังกฤษ กลับมาจึงได้งานที่ห้างเซ็นทรัล เป็น Marketing Manager ให้กับแบรนด์ Gucci, Bottega Veneta, Tom Ford ทำอยู่ได้ปีกว่า ช่วงนั้นรู้สึก อยากลองทำธุรกิจอื่นดูบ้าง ซึ่งที่บ้านก็สนับสนุน อยากทำอะไรก็ทำไป เลยไปคุยกับเพื่อนว่า ลองเปิดร้านอาหารกันไหม เพราะเราชอบไปหาของอร่อยๆ กินกันอยู่แล้ว และ “แนท” ก็ชอบอาหารปิ้งย่าง อาหารเกาหลี เลยบินไปตระเวนกินกันที่เกาหลี จนถูกใจร้าน nice two Meat U ของเกาหลี ชอบทั้งคอนเซปต์ของร้าน ที่ตกแต่งแบบวัยรุ่นและรสชาติอาหารก็อร่อย เลยติดต่อเจ้าของร้านขอมาเปิดที่เมืองไทย ซึ่งร้านเขามีทั้งในประเทศจีน, ฟิลิปปินส์ แต่ยังไม่มีที่เมืองไทย

เจ้าของเขาเห็นความตั้งใจของพวกเรา และเห็นว่าเรายังเป็นคนรุ่นใหม่ เขาอยากได้ไอเดียอะไรใหม่ๆด้วย เลยยอมให้แฟรนไชส์เรามาเปิดที่เมืองไทย พร้อมทั้งเปิดกว้างหลายอย่าง เช่น ร้านนี้ที่เกาหลีขายแต่หมูย่าง ไม่มีเนื้อ แต่ด้วยคนไทยชอบกินเนื้อ เราขอขายเนื้อด้วย หรือขอเพิ่มน้ำจิ้มให้ถูกปากคนไทยหน่อย ซึ่งเขาบอกให้ทำเลย เพราะเขาคิดว่าเรารู้เรื่องคนไทยดีกว่าเขา เลยได้มาเปิดร้าน nice two Meat U สาขาแรกที่สยามสแควร์ ซอย 3 เมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันขยายสาขาไปเปิดที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า, เมกาบางนา และจะเปิดที่เซ็นทรัล เวิลด์ กลางปีนี้

...

“พอจะเริ่มเปิดจริง จากหุ้นส่วน 4 คน เหลือแค่ 2 คน มีแนทกับ พี่เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร เราเลยแบ่งงานตามถนัด พี่เกศเขาจบด้านอาหารมา เลยดูแลเรื่องรสชาติอาหารและครัว ส่วนแนทดูแลด้านการตลาด, การเงิน, ออกแบบตกแต่งร้าน ก่อนเปิดร้านเราต้องไปเรียนงานที่เกาหลีอยู่หลายครั้ง ทำกัน 2 คนทุกอย่างจริงๆ ซึ่งเดือน ก.พ.นี้ครบ 1 ปีพอดี เป็น 1 ปีที่ เหนื่อยมาก การทำธุรกิจอาหารเป็นงานที่เหนื่อย แนทไม่กล้าปล่อย เราต้องลงไปดูเองทุกจุด ว่ามีรั่วไหลที่ตรงไหนบ้าง หนึ่งปีที่ผ่านมา แนทได้ประสบการณ์เยอะมาก รู้สึกตัวเองโตขึ้นเยอะ ซึ่งพอทำแล้ว เราก็อยากทำให้ดีที่สุด อยากให้ร้านอยู่นานที่สุด เราก็ต้องทุ่มเท งานมีความเครียดทุกวัน มีเรื่องใหม่ๆ มาให้แก้ ปัญหาตลอด เราก็ต้องเรียนรู้ไปทุกวัน และเพื่อให้มาตรฐานร้านไม่ตก เราต้องนั่งมอนิเตอร์ทุกวัน ทั้งจากโซเชียลและคำติชม เราทุ่มเท ทุกอย่างทั้งเรื่องวัตถุดิบที่ใช้ ชั้นดีทั้งเนื้อทั้งหมู และซอสต่างๆ ที่มาจากเกาหลีทั้งหมด ซึ่งแนทว่าเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราต่างจากร้านอื่น จนกลายเป็นที่นิยม”

สาวขาลุยเล่าถึงงานของเธอ ที่โตมาถึงวันนี้อย่างภูมิใจเมื่อก้าวมาเป็นเจ้าของธุรกิจเอง แนท บอกว่ารู้สึกภูมิใจที่ทำธุรกิจแรกก็ไปได้ด้วยดี ซึ่งเราคาดหวังว่าธุรกิจจะโตไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดหยุดแค่นี้ ตอนนี้ก็กำลังทำร้านขายกาแฟและขนม Sociaty Seoul Club ควบคู่ด้วย จะเปิด เร็วๆนี้ การทำธุรกิจ บริการย่อมมีคำชมและคำติ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เราหยุดไม่ได้ ตอนนี้เรามีแรง แนท เลย เดินหน้าลุยเต็มที่ค่ะ.