ช่วงนี้จะหันไปทางไหนก็เจอแต่เมนู "มัทฉะ" ที่กลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนรักสุขภาพไปแล้ว ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ และคุณสมบัติที่หลายคนยกให้เป็น "ซูเปอร์ฟู้ด" ตัวจริง

แต่มัทฉะที่ดีต่อสุขภาพนั้น ไม่ได้วัดกันที่สีเขียวสวยๆ หรือรสชาติเข้มๆ เท่านั้น แต่สำคัญที่ว่า "เรากินมันถูกวิธีหรือเปล่า?" วันนี้เราจะมาไขความลับการดื่มมัทฉะให้ได้ประโยชน์สูงสุด และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย

มัทฉะ ทำไมถึงเป็นซูเปอร์ฟู้ดตัวท็อป?

มัทฉะไม่ใช่ชาเขียวธรรมดา แต่เป็นชาเขียวที่พิถีพิถันในการปลูกและผลิต ทำให้มีปริมาณสารอาหารสูงกว่าชาเขียวทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "EGCG" (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มคาเทชิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีส่วนช่วยเรื่องสุขภาพดังต่อไปนี้

  • ป้องกันโรคต่างๆ มีงานวิจัยหลายชิ้น (ทั้งในระดับเซลล์และสัตว์ทดลอง) ชี้ให้เห็นว่า EGCG อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดหัวใจได้
  • ต้านมะเร็ง ในสารต้านอนุมูลอิสระ EGCG อาจมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็งได้
  • เต็มไปด้วยวิตามินที่ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ

ดื่มมัทฉะอย่างไรให้ร่างกายดูดซึม EGCG ได้ดีที่สุด

ใครที่เชื่อว่าการดื่ม "เพียวมัทฉะ" (Pure Matcha) คือวิธีที่ดีที่สุด อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารได้เผยเคล็ดลับที่ช่วยให้ร่างกายเราดูดซึม EGCG ได้ดียิ่งกว่าเดิม ซึ่งสวนทางกับความเชื่อเดิมๆ โดย 3 เคล็ดลับการชงและดื่มมัทฉะ ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ คือ

1. "น้ำร้อน" อย่าให้เกิน 85°C

การชงมัทฉะด้วยน้ำที่ร้อนจัดเกินไป อาจทำให้สารคาเทชิน หรือ EGCG มีการเปลี่ยนรูปและสูญเสียคุณสมบัติไป ดังนั้น อุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการชงไม่ควรเกิน 85 องศาเซลเซียส

...

2. ใส่ "มะนาว" หรือ "น้ำผลไม้" รสเปรี้ยว ได้ประโยชน์คูณสอง

แม้ว่า EGCG จะมีประโยชน์ แต่ร่างกายเรากลับดูดซึมได้ค่อนข้างยากและสูญเสียคุณสมบัติง่าย งานวิจัยหลายชิ้นจึงแนะนำว่า การเติม "วิตามินซี หรือ กรดผลไม้" ลงไป จะช่วยให้ EGCG มีความเสถียรมากขึ้นและร่างกายนำไปใช้ได้ดีขึ้น

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

วิธีทำ: ชงมัทฉะด้วยน้ำอุณหภูมิที่เหมาะสม (ไม่เกิน 85°C) จากนั้นให้รีบใส่น้ำแข็งเพื่อให้มัทฉะเย็นลง ก่อนที่จะเติมน้ำส้ม หรือน้ำมะนาวลงไป เพื่อรักษาวิตามินซีในน้ำผลไม้ไม่ให้สลายจากความร้อน

3. "นม" ไม่ใช่ผู้ร้ายอย่างที่คิด

สำหรับสายลาเต้ไม่ต้องกังวล งานวิจัยชี้ว่า โปรตีนที่อยู่ในนม ก็สามารถช่วยให้สาร EGCG ในมัทฉะมีความเสถียรยิ่งขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้น การดื่มมัทฉะที่ผสมนมจึงช่วยส่งเสริมให้ร่างกายดูดซึมประโยชน์ได้ดีกว่าการดื่มแบบเพียวๆ อีกทางหนึ่ง

แนะนำว่าควรดื่มมัทฉะในช่วงที่ "ท้องว่าง" เช่น ช่วงเช้าก่อนมื้ออาหาร เพราะอาจช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ข้อเสียของมัทฉะที่สายเฮลท์ตี้ควรระวัง

แม้ว่ามัทฉะจะมีประโยชน์มหาศาล แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับบางกลุ่มที่ควรจำกัดปริมาณการดื่ม เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็ก หรือเป็นโรคโลหิตจาง เพราะมัทฉะมีส่วนไปขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็กในร่างกาย ซึ่งธาตุเหล็กจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง สิ่งที่ควรทำคือ

  • ไม่ควรดื่มมัทฉะบ่อยเกินไป
  • ไม่ควรดื่มคู่กับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง (เช่น เนื้อแดง)
  • ไม่ควรดื่มพร้อมกับการกินวิตามินเสริมธาตุเหล็ก

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

มัทฉะ เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย แต่ควรดื่มอย่างเข้าใจและระมัดระวัง เพียงแค่ปรับวิธีการชงและการดื่มให้ถูกหลัก ก็จะได้ประโยชน์จากมัทฉะไปแบบเต็มๆ สุขภาพดีแบบไม่ต้องกังวล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

...