Street Food หรืออาหารริมทางที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในวงจรของมนุษย์เงินเดือน

เพราะเป็นอาหารที่มีราคาพอรับได้ คุณภาพ ปริมาณ สมเหตุสมผลกับเงินที่จ่าย ส่วนใหญ่มักเป็นอาหารจานเดียว ไม่ต้องมีเครื่องปรุงจำนวนมาก ทานเสร็จในคราวเดียว เช่น ข้าวผัดชนิดต่างๆ ก๋วยเตี๋ยว รวมถึงส้มตำ

ส้มตำ มีขายทั้งแบบหาบเร่ แผงลอย รถเข็น จนถึงเปิดร้านขายกันเป็นล่ำเป็นสัน ด้วยรสชาติที่จัดจ้าน ทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็ม ส้มตำเป็นอาหารที่ทานได้ แต่ไม่ควรทานบ่อยๆต่อเนื่องเป็นประจำเพราะมีโซเดียมในปริมาณสูง

“โซเดียม” เป็นสารที่ทำให้อาหารมีรสเค็ม เป็นสารที่ร่างกายต้องการ หากได้รับในปริมาณที่พอดี ก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ปกติโซเดียมที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย ไตจะทำหน้าที่ขับออกทางปัสสาวะ

แต่ถ้าได้รับโซเดียมปริมาณสูงๆอาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีภาวะความดันโลหิตสูง ที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบตันและเร่งภาวะเสื่อมของไต ทำให้เป็นโรคไตได้

ปกติร่างกายต้องการโซเดียมไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัม/วัน ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ ปริมาณสูงสุดของการได้รับโซเดียมที่ไม่ทำให้เกิดอันตรายอยู่ที่ 2,400 มิลลิกรัม/วัน เทียบเท่าเกลือประมาณ 6 กรัม หรือ 1 ช้อนชา

หากวันนี้ทานอาหารหลายชนิด เริ่มด้วยข้าวผัดกะเพราใส่พริกน้ำปลาเป็นอาหารเช้า มื้อเที่ยงทานก๋วยเตี๋ยวปรุงรสด้วยน้ำปลา เลยไปถึงมื้อเย็นเป็นส้มตำปูปลาร้า ลองคิดดูว่าจะได้รับโซเดียมเข้าสู่ร่างกายในปริมาณเท่าไร

หากร่างกายขับออกหมดก็โชคดีไป หากขับออกไม่หมดและสะสมอยู่ในร่างกาย จะส่งผลเสียในระยะยาว

วันนี้ หน่วยงานภาครัฐจึงหันมารณรงค์ให้ลดเค็มครึ่งนึงเพื่อป้องกันและควบคุมการเกิดโรคที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศ

...

สถาบันอาหารขอเป็นกระบอกเสียงในการแจ้งข้อมูลด้านความปลอดภัยอาหาร ด้วยการนำเสนอผลวิเคราะห์โซเดียมในส้มตำปูปลาร้า จำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ย่านการค้าในเขตกรุงเทพฯ

ผลวิเคราะห์ที่ได้พบว่า ทุกตัวอย่างมีโซเดียมปริมาณค่อนข้างสูง ท่านที่ชื่นชอบส้มตำปูปลาร้า ขอแนะให้เพลาๆลงบ้าง เพื่อความปลอดภัยของหัวใจและไตของเรา.