นวัตกรรมที่ช่วยหล่อหลอมประวัติศาสตร์ของ “หลุยส์ วิตตอง” จนกลายเป็นเมซงระดับตำนาน ที่อยู่คู่โลกอย่างยิ่งใหญ่มายาวนานถึง 200 ปี ก่อเกิดขึ้นจากจิตวิญญาณความเป็นนักบุกเบิกของ “มร.หลุยส์ วิตตอง” อย่างแท้จริง เขาไม่เพียงเป็นนักออกแบบผู้ยิ่งใหญ่ที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ยาวไกล แต่ยังเป็นนักประดิษฐ์ผู้ปราดเปรื่องที่เต็มไปด้วยความทะยานอยากในการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของโลกอนาคต
ย้อนตำนานไปสู่จุดกำเนิดของ “มร.หลุยส์ วิตตอง” เกิดเมื่อปี 1821 ณ เมืองอองเชย์ ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขาฌูรา ดินแดนห่างไกลความเจริญ อยู่ระหว่างฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ เขาออกเดินทางจากบ้านเกิดขณะอายุ 14 ปี เพื่อแสวงหาชีวิตใหม่ โดยนำสิ่งของติดตัวมาไม่กี่ชิ้น รวมถึงทักษะความชำนาญของช่างไม้ ที่สืบทอดจากครอบครัวช่างฝีมือเก่าแก่


...
“มร.หลุยส์” ออกเดินทางด้วยเท้าเป็นระยะเวลาสองปีเพื่อมุ่งหน้าสู่กรุงปารีส โดยระหว่างนั้นได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการเดินทาง พร้อมฝึกฝนทักษะความชำนาญ และเฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย เมื่อเดินทางถึงมหานครในฝัน เขามุ่งหน้าไปยังพื้นที่ทางเหนือ “ปลาส เดอ ลา มาเดอแลน” และ “แซงโตโนเร” เพื่อทำงานกับช่างทำหีบเดินทางชื่อก้อง “โรแมง มาเรชาล” กว่าจะตั้งหลักสำเร็จได้ก่อตั้งเมซงของตนเอง ก็ล่วงเลยไปถึงปี 1854 โดยยึดทำเลทองเลขที่ 4 บนถนนเนิฟ-เดส์-กาปูซีนส์ ใจกลางจัตุรัสปลาส ว็องโดม เป็นสถานที่ให้กำเนิดเมซงของ “หลุยส์ วิตตอง”
ด้วยความสนิทสนมกับผู้ก่อตั้งสมาคมปารีเซียง โอต์ กูตูร์ “มร.ชาร์ลส์ เฟรเดอริค เวิร์ธ” อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นช่างทำกล่องและหีบเดินทางถวาย “จักรพรรดินีเออเฌนี” เขาจึงรู้ล่วงหน้าถึงการปฏิวัติด้านการคมนาคมที่กำลังจะเกิดขึ้น และเล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของธุรกิจหีบเดินทาง ซึ่งจะเป็นผลพลอยได้จากการปฏิวัติครั้งสำคัญ



ด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกล เขาได้กลายเป็น “ผู้บรรจุหีบห่อแฟชั่นแห่งยุค” เนื่องจากในช่วงทศวรรษ 1850s เป็นยุคที่ชุดกระโปรงฟูฟ่อง กระโปรงสุ่ม และกระโปรงทรงกว้างกำลังเป็นที่นิยม จำเป็นต้องอาศัยหีบเดินทางพิเศษที่ผลิตโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจัดเก็บและเดินทางได้อย่างสะดวก “มร.หลุยส์” ใช้ทักษะขั้นเทพปรับเปลี่ยนหีบเดินทางให้มีน้ำหนักเบา และแข็งแรงทนทานยิ่งขึ้น เขาตระหนักว่าหีบเดินทางทรงเรียบแบนจะใช้งานได้ดีมีประสิทธิภาพกว่าดีไซน์กระเป๋าคลาสสิกที่มีฝาปิดทรงโดมแบบดั้งเดิม จึงคิดค้น “กรีส์ ตริอานง” แคนวาสที่เคลือบผิวด้วยน้ำมัน ซึ่งน้ำหนักเบา และมีคุณสมบัติกันน้ำ เพื่อใช้ห่อหุ้มหีบเดินทางของเขา และสามารถทำให้หีบเดินทางมีฝาปิดที่แบนเรียบได้ ต่อมาแคนวาสนี้ถูกนำมาพัฒนาต่ออย่างรวดเร็ว ไม่เพียงในเชิงเทคนิค หรือสุนทรียภาพความงาม แต่ยังเพื่อรับมือกับการลอกเลียนแบบที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
...



หลังโดนคู่แข่งลอกเลียนแบบนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้น “มร.หลุยส์” จึงเปลี่ยนมาใช้งานดีไซน์ที่มีความซับซ้อนกว่าเก่า จากแคนวาส สีเทาเป็นแคนวาสลายทาง ถือกำเนิดในปี 1872 ก่อนพัฒนาเป็นลายตารางหมากรุกอันลือลั่น “ดามิเยร์” (Damier) ในปี 1882 มีการใช้ชื่อ “หลุยส์ วิตตอง” เป็นสัญลักษณ์ด้านนอกครั้งแรก
การเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 1896 เมื่อบุตรชายคนโต “มร.จอร์จ หลุยส์ วิตตอง” รังสรรค์แคนวาสลาย “โมโนแกรม” (Monogram) เพื่อเป็นเกียรติแด่บิดาผู้ล่วงลับ ผลงานชิ้นไอคอนถือกำเนิดขึ้นด้วยการผสมผสานอักษรย่อ “LV” ของ “หลุยส์ วิตตอง” เข้ากับลายดอกไม้ล้อมรอบด้วยวงกลม และลายดอกไม้สี่กลีบล้อมรอบด้วยรูปทรงเพชร โดยลวดลายพิเศษเฉพาะตัวกลายเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัยและเป็นหนึ่งในบทเรียนแรกๆของการสร้างแบรนด์ลักชัวรี ที่สำคัญยังเป็นเครื่องหมายของการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมระดับโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นลายโด่งดังระดับตำนาน และยังคงเป็นไอคอนโดดเด่นของเมซง “หลุยส์ วิตตอง” จวบจนถึงปัจจุบัน

...


อีกหนึ่งวิสัยทัศน์น่าทึ่งของ “มร.หลุยส์ วิตตอง” คือการสร้าง “อะเตอลิเยร์” ภายในหมู่บ้านอาส์นิแยร์ริมฝั่งแม่น้ำแซน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปารีส เพื่อเป็นฐานทัพใหม่รองรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจ การเดินเกมครั้งนี้ตอกย้ำถึงความชาญฉลาดของเขาอีกครั้ง เพราะช่วยให้การขนส่งวัสดุต่างๆ รวมถึงไม้สนป๊อปลาร์ ซึ่งสำคัญต่อการรังสรรค์หีบเดินทางเป็นไปอย่างง่ายดาย และสามารถขนส่งผลิตภัณฑ์ที่ทำสำเร็จแล้วไปยังปารีสได้สะดวกสบายเช่นกัน เพราะเส้นทางรถไฟสายแรกๆในฝรั่งเศสก็ผ่านเมืองนี้ และสิ้นสุดที่ “การ์ แซงต์ ลาซาร์” โดย “อะเตอลิเยร์” กลายเป็นหัวใจหลักในการส่งต่อองค์ความรู้ของ “หลุยส์ วิตตอง” ไม่ว่าจะเป็นการผลิตหีบเดินทาง กระเป๋าเดินทาง และสินค้าสั่งทำพิเศษ ที่ถูกส่งออกไปยังทั่วทุกมุมโลก
160 ปีหลังจากนั้น “อะเตอลิเยร์” ยังมีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลังการผลิตผลงานระดับไอคอนิกมากมายของ “หลุยส์ วิตตอง” ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหนังและกระเป๋าเดินทาง รวมถึงสินค้าสั่งทำพิเศษเฉพาะบุคคล โดยผลิตภัณฑ์ล้วนรังสรรค์ขึ้นด้วยมือทั้งหมด จากหีบเดินทางทรงเรียบรุ่นคลาสสิกไปจนถึงกระเป๋าใส่อุปกรณ์ดิจิทัลที่สั่งทำขึ้นพิเศษ ผลงานการรังสรรค์ที่เกิดขึ้นใน “อะเตอลิเยร์” สะท้อนให้เห็นถึงมรดกตกทอดของแบรนด์ที่ยังคงสอดคล้องกับความร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน



อาจกล่าวได้ว่า “มร.หลุยส์ วิตตอง” คือนักประดิษฐ์ผู้ปราดเปรื่อง ที่สามารถนำวัสดุต่างๆมาปรับเปลี่ยนตามฟังก์ชันของชิ้นงาน ตั้งแต่ปี 1859 เป็นต้นมา เขาได้จดสิทธิบัตรผลงานการประดิษฐ์ที่ใช้เทคโนโลยีทุกชิ้นที่ออกแบบขึ้นใน “อะเตอลิเยร์” โดยในช่วงทศวรรษ 1890s มีการนำแคนวาสมาใช้คู่กับหนัง หรือแม้แต่อะลูมิเนียม และในช่วงปลายยุคศตวรรษที่ 19 เมซงแห่งนี้ก็รังสรรค์กระเป๋าใบแรก กลายเป็นต้นแบบของกระเป๋าถือรุ่นต่างๆนับไม่ถ้วน ชื่อเสียงของเขาขจรขจายไปทั่วจนนำไปสู่การเปิดร้านแรกนอกฝรั่งเศสในปี 1885 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ น่าเสียดายที่เขามาอำลาโลกไปซะก่อนในปี 1892 เหลือไว้แต่ตำนานความยิ่งใหญ่ให้คนรุ่นหลังได้จดจำ
และเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปี การถือกำเนิดของ “มร.หลุยส์ วิตตอง” พร้อมรำลึกถึงความเป็นตำนานผู้บุกเบิก ค่ายหลุยส์ วิตตองได้จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ครั้งใหญ่เป็นซีรีส์โปรเจกต์พร้อมกันทั่วโลก โดยจะมุ่งเน้นไปที่การสืบทอดจิตวิญญาณแห่งการเดินทางอันเปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งเมซง พร้อมก้าวไปกับอนาคตข้างหน้าด้วยความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบัน



โดยตลอด 2-3 เดือนข้างหน้า ยาวจนถึงสิ้นปี 2021 เรื่องราวชีวิตและตำนานของ “มร.หลุยส์ วิตตอง” ผู้เป็นทั้งนักผจญภัย นักธุรกิจ นักออกแบบ และนักรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ จะถูกนำเสนอสู่สายตาชาวโลกให้ตื่นตะลึงผ่านความร่วมมือกับนักสร้างสรรค์มากมายจากทั่วโลก ประเดิมงานแรกด้วยการเปิดตัว “Louis : The Game” วิดีโอเกมที่ฝัง NFTs (โทเคนที่เป็นสิทธิ์ของเกมเมอร์) สามารถดาวน์โหลดได้ทาง App Store และ Google Play for Android ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.2021 ขณะที่ร้านหลุยส์ วิตตองทั่วโลก จะพร้อมใจกันจัดวินโดว์ดิสเพลย์สุดอลัง
เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 200 ปี ของ “มร.หลุยส์ วิตตอง” ผ่านการตีความและมุมมองสร้างสรรค์หลากหลายของศิลปินจากทั่วโลก 200 คน ตามมาด้วยการจัดแสดงงานจิตรกรรมภาพ “มร.หลุยส์ วิตตอง” ขนาดใหญ่ในรูปแบบ triptych โดย Alex Katz, นวนิยายเกี่ยวกับชีวิตและเจตจำนงของ “มร.หลุยส์ วิตตอง” ที่แต่งขึ้นโดยนักเขียนฝรั่งเศส “คาโรลีน บงกรองด์” ซึ่งตีพิมพ์ในภาษาฝรั่งเศสและอังกฤษ โดยสำนักพิมพ์กัลลิมาร์ ตลอดจนเผยแพร่สารคดีพิเศษ “Looking for Louis” ที่หวนรำลึกถึงเรื่องราวในวัยเด็กของหนุ่มนักบุกเบิก จากจุดเริ่มต้นแสนลำเข็ญ...ก้าวสู่การเป็นตำนานอมตะของวงการแฟชั่นโลก โดยจะฉายให้ชมทางแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่างๆ
ติดตามพร้อมกันได้ที่ : www.th.louisvuitton.com
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ