ความละโมบ คือต้นทางแห่งความหายนะ

...
หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2568

“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน...หลังจาก ครม.ใหม่ อิ๊งค์ 1/2 เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ และมีการประชุม ครม.นัดพิเศษไปแล้ว เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 และ รมว.มหาดไทย เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จากการที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดการปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรี ชั่วคราว จนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัยในคดีที่ คณะ สว. ร้องให้ศาลฯวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงการสนทนากับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งชายแดน ไทย–กัมพูชา

...
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 ก.ค. นายกฯแพทองธาร ในฐานะ รมว.วัฒนธรรม ก็ได้เริ่มเดินหน้าทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ และเป็นประธานประชุมหารือกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม...โดย นายกฯแพทองธาร ระบุว่า กระทรวงวัฒนธรรม ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เช่น ซอฟต์พาวเวอร์ วัฒนธรรมของเราไปที่ไหนก็สามารถขายให้ทั่วโลกได้ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินว่า กระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงเล็กๆ แต่วัฒนธรรมของเราทั่วโลกชอบ และมีมูลค่าในตัวเอง ตอนนี้อาจจะแย่หน่อยที่ต้องหยุดทำหน้าที่นายกฯ แต่ดีใจมากที่ได้โอกาสทำงานในส่วนของ รมว.วัฒนธรรม ถือเป็นรัฐมนตรีครั้งแรก...นายกฯแพทองธาร ยังสำทับด้วยว่าอยากให้ กระทรวงวัฒนธรรม เติบโตและยิ่งใหญ่เหมือนหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ที่ใช้กระทรวงวัฒนธรรมสร้างรายได้ให้ประชาชน เพิ่มรายได้ใหม่ๆ เป็นมุมมองที่อยู่ใน ซอฟต์พาวเวอร์ ถือเป็นนโยบายที่เคยพูดต่อประชาชน อยากทำให้ กระทรวงวัฒนธรรม เป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนอาชีพใหม่ๆ และโอกาสใหม่ให้กับคนไทย ตอนนี้ตนได้พักทำหน้าที่นายกฯ แต่ก็มีโอกาสได้ทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม อย่างเต็มที่...บ่งบอกนัยยังมีความมุ่งมั่นทำงานเต็มร้อย แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะโดนสอยจากเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรมอีกรึเปล่า

อืม...ภายใต้ สถานการณ์การเมือง ที่ยังไม่มีความแน่นอนในเรื่องสถานภาพการเป็น นายกรัฐมนตรี ของ นายกฯแพทองธาร ที่มีชนักคดีโดน สว. ยื่นร้องถอดถอนต่อ ศาลรัฐธรรมนูญ และอยู่ระหว่างมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลฯจะมีคำวินิจฉัย...สถานการณ์เช่นนี้ทำให้มีการพูดถึงประเด็นที่การเมืองอาจเดินไปถึงจุดที่จะต้องมีการ เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ใน สภาผู้แทนราษฎร กรณีหากศาลฯมีคำวินิจฉัยให้ ถอดถอน ออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี...ภายใต้ฉากทัศน์หากต้องมีการเลือก นายกฯคนใหม่ โดยกติการัฐธรรมนูญ สภาฯ ต้องเลือกจาก บุคคล ที่เป็น แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในบัญชีของแต่ละพรรค ที่ยื่นต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เอาไว้ อาทิ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย อนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกฯของพรรคภูมิใจไทย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ และ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค แคนดิเดตนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือแม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่วันนี้แม้เป็นองคมนตรี แต่ก็ยังคงมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯในบัญชีของ พรรครวมไทยสร้างชาติ...โดยการเลือก นายกรัฐมนตรี ในสภาผู้แทนราษฎรต้องตัดสินกันที่ เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ของสภาฯ ทาง พรรคเพื่อไทย จึงถือว่าได้เปรียบอยู่นิดหน่อย เพราะ พรรคร่วมรัฐบาล มีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ แต่ก็มี เสียงปริ่มน้ำ สถานการณ์อย่างนี้หาก พรรคร่วมรัฐบาล บางพรรคเกิดเปลี่ยนใจหันไปโหวตหนุน แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอื่นก็อาจเกิดการพลิกขั้วในการ จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ทันที

...
ด้วยเงื่อนไขตรงนี้ทำให้ พรรคประชาชน ในฐานะ แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ที่มีเสียงเป็นอันดับสอง รองจาก พรรคเพื่อไทย แสดงตัวแสดงตนออกมา ประกาศจุดยืน ในการหาทางออกให้แก่ประเทศหาก นายกฯแพทองธาร มีอันต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ โดยระบุว่า พรรคประชาชน ยืนยันจะทำหน้าที่เป็น ฝ่ายค้าน ไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่เพื่อให้ประเทศไม่ถูกบีบไปสู่ ทางตัน หรือการใช้อำนาจนอก ครรลองประชาธิปไตย เราพร้อมจะพิจารณาลงมติให้กับผู้เสนอตัวเป็น นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนใดก็ตามที่ยอมรับเงื่อนไขในการเป็นเพียง รัฐบาลชั่วคราว ที่มีภารกิจในการเดินหน้าสู่การ ยุบสภา...โดย พรรคประชาชน จะไม่เข้าร่วมรัฐบาล จะไม่มีใครจากพรรคประชาชนไปเป็นรัฐมนตรี โดยเงื่อนไขในการเดินหน้าสู่การยุบสภา สำหรับ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะต้องประกอบไปด้วยอย่างน้อย การประกาศเส้นตาย ว่าจะ ยุบสภาภายในสิ้นปี 2568 การยืนยัน ภารกิจเฉพาะหน้า เช่น ให้มีการ จัดทำประชามติ พร้อมกับ การเลือกตั้ง เพื่อถามประชาชนเรื่องการมี ส.ส.ร. มาจัดทำ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากมีผู้ใดที่ตอบรับเงื่อนไขดังกล่าว แต่ไม่ทำตามคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน พรรคประชาชน จะใช้เสียงของ สส.ทั้ง 142 คน และทุกกลไกสภาฯ เพื่อ ล้มรัฐบาล ที่ผิดสัญญากับประชาชนโดยทันที

ถือเป็นการ ชิงพลิกเหลี่ยม อาศัยแต้มต่อเรื่อง จำนวน สส. โดยใช้ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มา ล่อตะเข้ เพื่อเร่งเวลากลับไปสู่ สนามเลือกตั้ง ที่ตัวเองได้เปรียบในเรื่อง กระแส ขณะที่ คู่แข่ง อย่าง พรรคเพื่อไทย รวมไปถึง พรรคร่วมรัฐบาล และ พรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ กำลังอยู่ในภาวะ กระแสตกฮวบฮาบ...แผนนี้ถือว่า ไม่ธรรมดา เพราะรู้ว่ามี คนละโมบอำนาจ กล้าเสี่ยงแลกกับได้นั่งเก้าอี้ นายกรัฐมนตรี เฉพาะกิจ จึงฉวยจังหวะ ยื่นเงื่อนไขยุบสภาซ้อนแผนซะเลย สุดยอดจริงๆ


สังคมทั่วไป...ธนาคารทหารไทยธนชาติ จำกัด (มหาชน) จัดอบรมหลักสูตร EWS Consultative Selling Skill ที่ห้องเพชรไพลิน โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ 7 ก.ค. 08.30 น.
"ธนูเทพ"
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม