ตั้งใจเต็มที่การเดินทางครั้งใหม่ที่เติบโตขึ้น สาว MOBYE หรือ “โมบาย-พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค” อดีตสมาชิกวง BNK48 เดินหน้าทำตามความฝัน เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวอย่างเป็นทางการกับค่าย LOVEiS ENTERTAINMENT พร้อมกับส่งซิงเกิลแรก “มีใจทำไมไม่จีบ” ให้แฟนๆได้ร้องว้าว!! ไปกับความน่ารักสดใส เสียงเพราะๆและความสามารถทางดนตรีของเธอ รวมทั้งลุคส์ที่หลากหลายใน MV เลยชวนสาว “โมบาย” นั่งคุยเริ่มจาก...

มาถึงวันนี้ที่รอคอยกับการที่ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว?

“ตื่นเต้นมากค่ะที่ได้เป็นศิลปินเดี่ยว วันที่ปล่อยเพลงวันแรกก็ตื่นเต้นมาก ปล่อยสตรีมมิงมาก่อน ไม่คิดว่าแฟนๆจะรอเพราะปล่อยเพลงตอนเที่ยงคืน ก็ดึกแล้ว แต่เค้าก็คุยกันใน X ว่าเพลงน่ารักมาก ติดหูเลย ดีใจที่แฟนๆคอยซัพพอร์ตเรา แล้วก็มาปล่อย MV ใน MV ก็มีให้ดูหลายลุคส์เลย มี 7 ชุด MV เปิดมาด้วยความน่ารักสดใส ก็ดูโตขึ้น เป็นศิลปินมากขึ้น”

เล่าคอนเซปต์เพลง “มีใจทำไมไม่จีบ” หน่อย? “เพลงนี้ได้พี่ MUKU แห่ง LIT ENTERTAINMENT เป็นคนแต่ง อยากให้เราดูโตขึ้น เพลงออกมาดูน่ารักไปอีกแบบ ทางค่ายและตัวหนูก็ชอบเพราะมีความแปลกใหม่ ทำให้เราลองออกจากเซฟโซนดู เลยได้เป็นเพลงนี้ออกมา”

เนื้อเพลงก็ดูโตขึ้น? “ได้ถ่ายทอดความรู้สึกมากขึ้น เพราะคนเราก็มีหลากหลายอารมณ์ โสดนะ จีบหน่อย เศร้าจัง มีหลายเรื่องราว เหมือนเราได้เป็นตัวตนมากขึ้น คนสามารถเข้าถึงเราได้ง่ายขึ้น”

ฟีดแบ็กแฟนๆเซอร์ไพรส์มั้ย? “เค้าก็ตั้งตารอว่าเพลงของเราจะเป็นยังไง แฟนๆ ก็ชอบมากเพราะเป็นความแปลกใหม่ เพลงนี้มีท่อนโซโล่ที่เป็นเสียงไวโอลิน เป็นความพิเศษที่ใส่เข้ามาแล้วยิ่งทำให้ดูเพอร์เฟกต์ขึ้น ส่วน MV เราก็มีส่วนช่วยคิดว่าอยากได้ภาพแบบไหน เพลงนี้ได้ ALAN หรืออลัน-พศวีร์ ศรีอรุโณทัย ลีดเดอร์แห่งวง BUS ซึ่งเค้าโด่งดังมากในกลุ่ม T-POP มาสร้างสีสัน ก็ทำให้แฟนๆรู้จักเรามากขึ้นไปด้วยค่ะ”

...

ถามถึงลุคส์ที่หลากหลายในเอ็มวีมีที่มาจากไหน? “เราก็มีส่งเรฟไปว่าชอบแบบนี้ๆ คิดว่าน่าจะเป็นตัวตนหนูที่เป็นแรงบันดาลใจให้ทีมหาชุดมาให้เปลี่ยนเยอะๆ เพราะหนูชอบแต่งตัวหลายสไตล์ หนูชอบใส่สร้อยมุกบ่อยมากในไอจี ชุดขนๆ สีแดง ดอกไม้ หนูชอบทั้งสายหวานสวย เปรี้ยวนิดๆ ใน MV มีชุดนึงที่มัดผม จริงๆหนูไม่ค่อยเซลฟ์เท่าไหร่แต่แฟนๆชอบมาก บอกว่าหล่อก็มี”

เราดูเปรี้ยวขึ้นแฟนๆโอเคมั้ย? “บางทีเราชอบแต่งตัวก็จะแต่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็มีแฟนคลับหวงบ้าง แต่มันก็ถือว่าเป็นแก็ปที่ต้องเติบโตขึ้น เป็นตัวเราที่เติบโตขึ้น แต่จริงๆทางค่ายก็มีการดูแลเราอย่างดี”

เริ่มฝันอยากเป็นศิลปินเดี่ยวเมื่อไหร่?

“ตอนอยู่เกิร์ลกรุ๊ปก็ชอบเต้น ชอบร้องไปด้วยกัน พอเราโตขึ้น เราเป็นคนชอบฟังเพลง อยากมีเพลงที่ทำให้คนได้ฟังได้อินไปตามเรา ราได้ไปงานดนตรีเจอศิลปินเก่งๆ เราก็อยากเป็นแบบพี่ๆเค้าเลยจุดประกายอยากเป็นศิลปินเดี่ยวขึ้นมาตอนช่วงอายุ 17-18 ปี”

แฟนๆที่ติดตามมานานจะช่วยลุ้นไปกับฝันของโมบายที่อยากเป็นศิลปินเดี่ยว? “ใช่ค่ะ พอมีวันนี้จริง เรียกว่าแฟนๆเค้าก็เลยน้ำตาไหล ซิงเกิลแรกเป็นเพลงเร็วที่มีน้ำตาเป็นจำนวนมาก (หัวเราะ) คือถ้าไปดูคอมเมนต์ใน MV ของหนู จะมีแฟนๆที่เค้าติดตามเรามานานเข้ามาคอมเมนต์ว่าเค้าก็ดีใจ ภูมิใจที่ได้เห็นเด็กตัวเล็กๆที่มีความฝันอยากเป็นศิลปิน วันนี้ได้เป็นแล้ว จริงๆแฟนๆ ภูมิใจตั้งแต่หนูได้มีค่าย ตอนได้มาอยู่เลิฟอิส แฟนๆก็ภูมิใจที่เราได้เข้ามาค่ายใหญ่ ได้ทำผลงานและเค้าก็ตั้งตารอ หนูก็รู้สึกว่าแฟนๆน่ารักมาก คอยซัพพอร์ตเรามาตลอด รู้สึกโชคดีมากที่ได้มาอยู่กับเลิฟอิส และพอได้มาอยู่ที่ค่าย ไม่นานก็มีงานยูทูบ ติ๊กต่อก รีวิวสกินแคร์ต่างๆก็เข้ามาเยอะมาก เราก็ได้ลองทำอีกพาร์ตหนึ่งที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ ยูทูบเบอร์ รู้สึกชอบมาก มันมีความอาร์ตที่เราได้คิดสตอรีไลน์เอง บางทีก็ตัดเอง ได้ทำเบื้องหลังด้วยระหว่างที่ยังไม่มีเพลงของตัวเอง เรียกว่าตั้งแต่เซ็นสัญญาจนได้ปล่อยเพลงก็ประมาณ 1 ปีครึ่ง สำหรับหนูถือว่าเร็วมาก สนุกค่ะ ได้ทำอะไรหลายๆอย่าง หนูก็มีไปเรียนร้องเพลงเพิ่ม อยากเก่งขึ้น เราก็พยายามทำให้เต็มที่ที่สุด พอเรามาเป็นศิลปิน มันเหมือนเราเข้าวงการใหม่อีกครั้งหนึ่ง มันเลยมีอะไรที่ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ”

อยากพัฒนาตัวเองด้านไหน? “สกิลด้านการร้อง อยากให้เก่งขึ้น ออกกำลังกายเพิ่ม ให้ร้องเต้นได้ดี การพูดส่งเข้าเพลงให้คนเข้าใจ หนูพยายามทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปค่ะ”

ออกจากความเป็นเกิร์ลกรุ๊ปแล้วมาลุยเดี่ยวโซโล่คนเดียวบนเวทีต้องฝึกฝนยังไง?

“มันแตกต่างกันมากเลย ปกติเราก็วางคิวเพลงเป็นขั้นตอนว่าเพลงนี้จบต่อด้วยเพลงนี้ เพื่อนจะพูดตรงนี้ แต่พอตอนนี้อยู่คนเดียวแล้ว ไม่มีใครช่วยแบ่งแล้ว เราก็ต้องไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินรุ่นพี่ว่าเค้าทำยังไง ก็จัดลิสต์เพลง เตรียมโชว์ไปในแบบของเรา ก็มีเพื่อนๆในค่ายแนะนำว่าให้ไปดูโชว์ของคนนี้ๆบ้าง คือเราไม่รู้ว่าการเอาอยู่ของศิลปินต้องทำยังไง ตอนเราเป็นไอดอลมีแฟนคลับคอยเป็นกำลังใจ แต่ตอนนี้เราเหมือนเริ่มใหม่ว่าต้องทำยังไงให้คนรู้จักเรามากขึ้น ให้คนชอบผลงานของเรา ก็เรียนรู้ไปในแต่ละงาน ก็ตื่นเต้นทุกงานว่าจะร้องผิดมั้ย ทำได้มั้ย ก็พยายามฟื้นฟูแพชชันตัวเองเคยมีในวันที่อยากทำ ว่าเราได้ทำแล้วนะ เราก็เต็มที่ มีความสุขไปกับมัน”

อะไรเป็นทักษะใหม่ๆที่ไม่เคยสัมผัส? “น่าจะเป็นการพูดเข้าเพลง ปกติก็จะเฮฮากันหลายคน แต่ตอนนี้ก็ต้องคิดว่าเพลงต่อไปเราจะเล่ายังไง มีกราฟของการโชว์ แต่ละงานจะเป็นแนวไหนให้เหมาะสมกับงาน ถ้าเรามีเพลงเยอะขึ้นก็อาจจะง่ายขึ้น”

...

เป้าหมายที่อยากไปถึงเส้นทางดนตรีคืออะไร?

“อยากมีเพลงเยอะๆ มีคอนเสิร์ตของตัวเอง มีคนที่ชื่นชอบผลงานใหม่ๆของเรา ตอนนี้เรามีแฟนๆ ที่ติดตามเรามาตั้งนาน แต่เรายังไม่ได้ลงมือทำผลงานใหม่ อยากให้คนมาชื่นชอบผลงานใหม่ในอนาคตเพิ่มขึ้น และได้ร้องเพลงไปกับแฟนๆค่ะ”

ยากมั้ยกับการพิสูจน์ตัวเองครั้งใหม่? “ถามว่ายากมั้ยมันก็ยากค่ะ จริงๆไม่ได้อยากคาดหวังว่าเราจะกลับมาโด่งดังอีกครั้งเพียงแค่เราอยากทำผลงานในหลายๆแบบ มีอีกตั้งหลายซิงเกิลที่เราต้องทำ อย่างน้อยน่าจะมีสักเพลงที่พอจะถูกใจคนฟังเพลง เราก็คงจะภาคภูมิใจ ซึ่งเราก็ต้องพัฒนาสกิลของเราอยู่ตลอด”

ที่บอกว่าเราไม่ได้คาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จเท่าตอนเป็นเกิร์ลกรุ๊ป เราไม่ได้ยึดติดตรงนั้น? “ใช่ค่ะ เรารู้สึกว่าถ้ามันจะมาอีกครั้ง มันก็เซอร์ไพรส์เราและคงปลาบปลื้มที่เราทำได้ แต่ตอนนี้แค่ฝันว่าเราอยากมีเพลงเยอะๆและได้ทำในสิ่งที่เรารัก เป็นความสุขในการได้ทำเพลงแบบนั้นแบบนี้ ถ้ามันประสบความสำเร็จขึ้นมาก็เป็นผลพลอยได้ที่ตอบแทนสิ่งที่เหนื่อยและทุ่มเทไป”

เพื่อนๆที่เติบโตมาด้วยกันให้กำลังใจกันยังไงบ้าง? “เพื่อนๆในค่ายก็แนะนำ ให้ไปดูโชว์คนนี้แบบนี้ หรือเวลาเรามีเรื่องเครียด เรื่องไม่สบายใจเราก็ยังมีเพื่อนที่เป็นแก๊ง ‘SERTIST’ ที่เราทำยูทูบด้วยกัน ก็มีพี่แก้ว-ณัฐรุจา, ปูเป้-จิรดาภา, น้ำหนึ่ง- มิลิน ก็นัดเจอกันบ่อยๆ เวลาเหนื่อยๆเราก็มานั่งคุยกันได้ ก็ดีใจที่ยังมีเพื่อนๆที่เจอและผ่านเรื่องราวอะไรมาคล้ายๆ กัน เค้าก็จะเข้าใจเรา”

...

ในเพลงบอกหนุ่มๆว่า “มีใจทำไม ไม่จีบ” แล้วชีวิตจริงเรากล้าบอกหนุ่มๆ แบบนี้มั้ย?

“ก็คงเป็นแบบอ้อมๆ คือเพลงนี้เราบอกเค้าแบบอ้อมๆ ไม่พูดตรงๆ แบบเราเอาตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ต่างๆให้เค้าเห็น เค้าชอบไปทำอะไร เราก็ไปทำด้วย และแอบหวังว่าสักวันเค้าจะจีบเราสักที เราจะได้รู้จักกัน”

ชีวิตจริงเราดูออกมั้ยว่าใครจะเข้ามาหาเราหรือจีบเราแบบไหน? “ก็คงดูออกนะคะ ไม่รู้เหมือนกัน คิดว่าพอมีเซ้นส์อยู่บ้าง ไม่ใช่แค่เรื่องคนเข้ามา บางทีคุยกับเพื่อนสนิท เพื่อนกำลังรู้สึกอะไรเรายังรู้เลย และพอบอกเพื่อนไปเค้าก็บอกว่าใช่คิดแบบนั้น”

ถ้าเลือกได้ในชีวิตจริงอยากให้คนมาจีบเข้ามาอ้อมๆหรือเข้ามาจีบเลย? “คิดว่าน่าจะรู้จักกันก่อน และรอว่าเค้าชอบอะไรในตัวเรา แล้วค่อยเริ่มมีใจให้กัน ถ้ามาพุ่งๆก็ต้องดูว่าพุ่งแบบไหน พุ่งน่ากลัวรึเปล่าหรือเข้ามาพุ่งซัพพอร์ตเราเลยแบบตั้งใจเข้ามา”

มุมมองความรักของโมบายเป็นอย่างไร? “เราอาจจะยังเป็นเด็กอยู่แต่เรามีมุมมองที่โต อยากมีครอบครัว มีบ้าน มีรถ มีความพร้อม เรามีฝันของเรา หนูมองว่าถ้าเราประสบความสำเร็จในชีวิตสุดๆแล้ว เราก็คงได้ไปทำสิ่งที่เราชอบโดยไม่ต้องกดดันด้านอื่นมากเท่าไหร่”

แล้วสเปกคนที่โดนใจเราล่ะ? “ก็คงชอบคนที่คอยซัพพอร์ตเราได้ เวลาทำงานมาเหนื่อยๆก็ช่วยฮีลใจซึ่งกันและกัน เป็นคนแนวเดียวกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันเติบโต ชอบคนที่ความคิดคล้ายๆกันหรืออาจจะมีความคิดที่แตกต่างได้ที่พาให้เราเติบโตไปด้วย เข้าใจเรา เหมือนเป็นเพื่อนสนิทคนนึงค่ะ”

ตัวตน “โมบาย” เป็นแบบไหน สาวหวาน สาวเปรี้ยว? “เป็นสาวตลกค่ะ (ยิ้ม) พูดไปเรื่อย หนูเป็นคนเข้ากับคนง่าย ชอบเรื่องศิลปะต่างๆ เป็นคนชิลๆสบายๆ”

...

คนจดจำความเป็นสาวสวยเจ้าเสน่ห์ของเราตั้งแต่เกิร์ลกรุ๊ป? “หนูว่ามันแตกต่างกันนะ ตอนเราอยู่เป็นกรุ๊ป คนก็จะมองเราในภาพรวมว่าเป็นเด็กสาวสดใสแต่อาจจะยังไม่รู้จักตัวตนเรามากว่าคนนี้เป็นคนยังไง แต่พอเราเป็นศิลปินเดี่ยว พอเรามีผลงานอะไร มันก็เป็นตัวตนของเรา ก็สามารถบอกความเป็นเราจากการอยู่บนเวที การให้สัมภาษณ์ ไลฟ์สไตล์ต่างๆ”

อะไรที่ทำให้ โมบาย มีความสุขที่สุดในการเดินเส้นทางนี้?

“น่าจะเป็นการได้ร้องเพลงที่ชอบ และได้ถ่ายทอดสิ่งที่เราชอบ เราเคยแอบร้องเพลงนี้อยู่คนเดียวแล้ววันนี้เราได้ร้องกับแฟนๆ แล้วแฟนๆชอบมันด้วย ก็ดีใจ มีความสุข หนูมองว่าอย่างน้อยถ้าเราชอบอะไรและตั้งใจกับมันก็น่าจะมีคนที่ชอบอะไรแบบเดียวกับเราและเข้ามาติดตามเรา”

แล้วความยากของการอยู่ตรงนี้สำหรับเราคืออะไร? “น่าจะเป็นการพัฒนาทักษะตัวเองค่ะ ว่าเราจะทำให้ดีอย่างที่เราวางไว้มั้ย ถ้าเราเก่งหลายๆด้านก็คงจะง่ายขึ้นต่อการทำงาน เพราะเราจะมั่นใจ ตรงนี้อาจจะเป็นความยากในส่วนของความคาดหวังในตัวเอง เราต้องเตรียมความพร้อมให้ดีพอ ทำให้มันสนุก เราจะได้มีความสุขกับการทำงาน ก่อนหน้านี้สมมติหนูจะมีร้องเพลงงานนึงหนูจะจำประมาณ 2 อาทิตย์ กินข้าว อาบน้ำก็ต้องจำเนื้อ ทำให้มันชินจะได้ตัดความกังวลตรงนี้ ไปโฟกัสตรงอื่นที่ดีกว่า ต้องทำจนกว่าตัวเองจะพอใจว่าจำได้ บางทีหนูไม่รู้ว่าหนูตั้งใจแค่ไหน เพื่อนๆในวงเคยบอกว่าเวลาโมบายทำอะไรดูตั้งใจมาก เราอยากทำให้มันดี อยากเตรียมตัวให้พร้อม ตั้งแต่ในอดีตเราคงถูกปลูกฝังว่าเราต้องทำให้มันดี อาจจะมีมายด์เซตนี้มาอยู่แล้ว และถ้าเราเครียดกับงานก็ไปหาอะไรผ่อนคลายด้านอื่น วาดรูป เดินเล่นถ่ายรูป ดูหนัง นอนค่ะ”.

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่