เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งความฝันของ “INDIGO” (อินดิโก้) ประกอบด้วยสมาชิก 3 คน ได้แก่ บลู–พสิษฐ์ เอกวิไชยภัสร์ (ร้องนำ–กีตาร์), ขวัญ–ขวัญชนก พันธุระ (เบส) และ โดนัท–กานต์ชนก ม่อมพะเนาว์ (กลอง) จากค่าย มิวสิคมูฟ เรคคอร์ดส ที่ฝันจะมีคอนเสิร์ตใหญ่รวมตัวแฟนเพลงที่รัก ในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก “INDIGO SUPER NOVA Concert” 5 ส.ค.นี้ ที่วอยซ์สเปซ
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าพวกเค้าจะผ่านกราฟขึ้นลงในวงการเพลง เป็นวงดังเจ้าของเพลงอกหักสุดฮิต ยอดวิวทะลุหลักร้อยล้าน อาทิ “เส้นบางๆ, ถ้าฉันเป็นเขา และพัง” และมีแฟนคลับมากมาย เลยชวนทั้ง 3 คน เล่าความรู้สึกเริ่มจาก...
โดนัท “ก่อนมีคอนเสิร์ตใหญ่เราได้จัดงานแฟนมีตติ้งเมื่อต้นปีซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมากอบอุ่น เลยคุยกับค่ายว่าน่าจะถึงเวลามีคอนเสิร์ตใหญ่”
บลู “มันเป็นความพร้อมเป็นความไม่พร้อม พวกเราเต็มที่มากๆ เราหยุดโชว์ 1 เดือนเพื่อคอนเสิร์ตนี้”
ขวัญ “ทำโชว์ใหม่เป็นเพลงของพวกเราเต็มๆ เพลงดังและเพลงที่ไม่ค่อยได้เล่น” โดนัท “ตอนทำโชว์คิดว่าจะทำยังไงให้คนอยากมาดู ทำโชว์ที่ไม่สามารถหาดูได้จากโชว์ที่อื่นของเรา”
บลู “เหมือนชื่อคอนเสิร์ต Supernova ที่เราจะระเบิดโชว์ออกมาพาทุกคนไปในจักรวาลดวงดาวของเรา”
ขวัญ “ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีแขกรับเชิญเลยอยากได้คนที่มีเคมีที่เข้ากันและเคมีที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเล่นด้วยกันได้แต่ลงตัว อย่างทั้ง Yourmood และ 4EVE และมีเซอร์ไพรส์อีกค่ะ”
เดินทางมา 6 ปี คำว่าคอนเสิร์ตใหญ่มีความหมายกับ Indigo ยังไง?
บลู “ผมว่ามันคือชีวิตของนักดนตรีหลายๆคนว่าสักวันเราต้องมีคอนเสิร์ตสักครั้งหนึ่งที่เราเล่นเพลงตัวเอง มันเป็นความตื่นเต้นและเป็นความสุข กับการได้อยู่ในคอนเสิร์ตตัวเอง ร้องเพลงของเราแล้วทุกคนร้องตาม แต่มันอาจจะเป็นแค่ก้าวแรก เพราะเราอาจจะมีคอนเสิร์ตต่อๆไป”
...
ขวัญ “มันเป็นสิ่งที่เราสามคนคุยกันมาตลอดว่าขอให้ได้เล่นดนตรีด้วยกัน เราอยากมีเพลงมีคอนเสิร์ตแล้วได้เล่นเพลงของเราด้วยกัน มีคนรอฟังเพลงของพวกเรา มันเกินความฝันของนักดนตรีคนหนึ่ง เลยคิดว่าวันนั้นมันคงดีกับการเริ่มอีกสเต็ปหนึ่งที่เติบโตขึ้นของ Indigo มากๆ”
หลายคนบอกว่าอินดิโก้ เป็นวงนักสู้ผ่านมาหลายช่วงเวลาที่มีทั้งกราฟขึ้นและกราฟลง?
บลู “จริงครับ มันมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เราขึ้นๆลงๆตลอดเวลา ถามว่าอะไรที่ทำให้ผ่านมาได้ก็คือเราทำต่อไปไม่หยุดไม่ทิ้งฝัน”
ขวัญ “ตอนที่เราเป็นนักดนตรีกลางคืนสิ่งที่เราใฝ่หาคือโอกาสที่ได้เล่นด้วยกัน ตอนนี้เรามีโอกาสเราก็จะทำไปให้สุดจนถึงวันที่เราหมดโอกาส”
วันที่มีเพลงดังมากปุ๊บก็เจอโควิด ออกไปเล่นไม่ได้ เราคุยกันยังไง?
บลู “ตอนนั้นเราก็มีโหวงๆ บ้างเพราะปกติออกไปทำงานทุกวัน มีจิตตกนิดนึง สุดท้ายผมก็หาอะไรทำไม่ให้อยู่เฉยๆ” ขวัญ “ถ้าให้เทียบตอนที่พวกเรายังไม่มีคนรู้จักกราฟนิ่งๆ ก่อนเพลง “ถ้าฉันเป็นเขา” เราทำงานเพื่อรู้ว่าจะมีสักวันที่เป็นของเรา เราเชื่อเสมอ แต่พอมีเพลงที่คนรู้จักแล้วแต่เจอโควิด กราฟลงมันต่างกันมาก เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดตรงไหน ไม่รู้ว่าคนจะฟังเพลงมั้ย ทุกคนเครียดกันหมด มันก็ดาวน์นะคะ แต่หนูดันไปลงทางอาหารการกิน (หัวเราะ) มันเป็น 2 ประสบการณ์ที่ดีมากนะคะ ช่วงที่เราไม่มีคนรู้จักเป็นคนธรรมดา กับช่วงที่เรามีคนรู้จักแล้วแต่กลับมาเป็นคนธรรมดา ทำให้รู้ว่าจริงๆสุดท้ายแล้วพวกเราก็แค่นักดนตรีที่จะผลิตงาน มันสอนเราว่าการมีกราฟขึ้นลงทำให้เราต้องดูแลตัวเองยังไง”
โดนัท “ตอนกราฟเราพุ่งขึ้นแล้วถูกดึงลงด้วยโควิด เป็นสถานการณ์ที่ทุกคนโดนหมด เราก็ฟุ้งซ่าน ข้อดีคือได้กลับมาอยู่กับตัวเอง ถ้าวันนึงเราไม่มีคนติดตามจะเป็นยังไง สิ่งที่ทำให้เราอยากทำต่อคือ แฟนคลับที่ยังอยู่กับเราคุยกันในโซเชียล ซัพพอร์ตตลอด เราเองก็ได้คุยกันเยอะขึ้น”
ขวัญ “ตอนนั้นมันสอนเราอีกอย่างนึงคือเราจะไม่พูดคำว่าเหนื่อยอีกแล้ว ไม่บ่นแล้วว่างานเยอะ (หัวเราะ)”
แล้ววันที่มีเพลงดังประสบความสำเร็จหลายเพลงล่ะ เราคุยกันยังไง?
บลู “จริงๆไม่ค่อยได้คุยกันจริงจัง เพราะเราอยู่ด้วยกันตลอด เราทำต่อเรื่อยๆ เหมือนเพลงเป็นลูก เราคุยกันว่าลูกคนนี้ได้ดีแล้วลูกคนต่อไปจะทำยังไง ถ้าไม่ปังก็คือลูกคนนั้นอินดี้ ก็ไม่เป็นไร”
ขวัญ “บลูจะเป็นช่วงเพลงแรกๆนั่งเช็กวิวหลังบ้านมาเรื่อยๆ เป็นโมเมนต์ความสุข”
โดนัท “ช่วง 3 ปีแรกเราก็ทำเพลงออกมาแต่อาจจะยังไม่ได้มีเพลงที่เปรี้ยงปร้าง พอมีเพลง “ถ้าฉันเป็นเขา” แล้วดัง เราไม่อยากมีเพลงเดียวแล้วหายไป เพลงต่อไปคือเพลงพัง พวกเราก็กดดันมาก พี่ๆที่ค่ายบอกว่าไม่ต้องเครียด ตั้งใจทำสิ่งที่เราอยากทำก็พอ เลยลดความกดดันลง ไม่คาดหวังเกินไป เราไม่ตั้งผลงานไหนเป็นมาสเตอร์พีซเพราะจะไม่เกิดผลงานที่ดีกว่า เราต้องทำให้ดีทำไปเรื่อยๆ”
รู้สึกยังไงที่เป็นวงที่คนจำเพลง ได้มากกว่าตัวศิลปินอีก?
บลู “ยอมรับครับว่าคนรู้จักเพลงเราแต่ไม่รู้จักตัว ผมเคยเอาเพลงตัวเองไปร้องตอนเล่นกลางคืน แล้วมีคนมาถามว่าพี่เพลงนี้เพลงของใครเพราะดี (ยิ้ม) มันก็มีความตลกดีนะว่าเพลงไปก่อน เดี๋ยวเราตามไป”
ขวัญ “เราดีใจนะที่ทุกคนร้องเพลงเราดังทำให้คิดว่าถ้าเค้ารักเพลงเรา เดี๋ยวเค้าก็จะตามหาตัวเราเอง” บลู “พอเค้าเห็นนักร้องหน้าตาดีก็จะจำได้ (หัวเราะ)”
โดนัท “มันก็เหมือนเราวัยรุ่นยุคนี้ที่รู้จักเพลงศิลปินเก่าๆ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีคนก็ยังฟังเพลงอยู่ ถ้าตอนนั้นคนยังรู้จักเพลงเราเราก็ดีใจ”
...
ศิลปินดาราและคนทั่วไปเอาเพลงเราไปคัฟเวอร์เยอะมากจนดังไกล?
โดนัท “รู้สึกดีใจครับ ตอนเราเป็นนักดนตรีกลางคืนเล่นเพลงคนอื่น วันนึงเราก็อยากเป็นแบบนี้บ้าง”
ขวัญ “มีเรียวอุคซุปเปอร์จูเนียร์ ร้องเพราะมาก มีดีเจระดับโลกเอาไปรีมิกซ์ มีคนเอาเพลงไปร้องเป็นภาษาจีนด้วยค่ะ”
โดนัท “และที่ประทับใจและเซอร์ไพรส์คือแฟนๆ สปป.ลาวที่มาติดตามเรา”
แฟนๆวงซัพพอร์ตแน่น ทำโปรเจกต์ให้ในโอกาสพิเศษต่างๆด้วย?
บลู “คาแรกเตอร์แฟนๆก็บ้าบอเหมือนวงเราครับ เหมือนคนประเภทเดียวกันดึงดูดกัน น่ารัก ทะเล้น กวน”
โดนัท “เราอาจจะอยู่กันมานานตามกันมาจนไม่ได้คิดว่าเป็นแฟนๆ คิดว่าเป็นพี่ๆ น้องๆกัน”
ขวัญ “จริงๆพอพวกเราเป็นวงร็อก คอนเซปต์เค้าห้ามยิ้มแต่จริงๆแล้วเราก็สนุกขำกันแบบนี้ และแฟนๆ เค้าก็เติบโตไปกับวงจริงๆ”
เจ้าของเพลงอกหักสุดฮิตขยี้ใจ เคยเจอประสบการณ์ที่คนอินเพลงเรามากๆ มั้ย?
ขวัญ “มีคน DM มาเยอะนะคะ 20 กว่าคน บางคนเป็นซึมเศร้า บอกว่ามาดูพวกเราแล้วมีแรง เค้าเจ็บปวดอยู่แหละแต่ก็จะพยายามสดใส เราก็เป็นกำลังใจให้ บางคนเคยอยากจะคิดสั้นแต่ก็หันมาเล่นกีตาร์ ก็รู้สึกดีมากกับการเอาเพลงนำพาไปเจอทุกๆคนมันดีจริงๆ”.